เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ Wallpaper by นายตากลม

ม่พูดนั้นไม่เยยวเจ้าธรรมนายเวรไม่เกียวกับเต้ยไม่ต้องมาอีกเลย พูดมารไม่เกียวกับเต้ยชชะหน่อย

ร่างร้ายทุกที่เลยนะค่ะ ไม่พูดนั้นไม่เยยวเจ้าธรรมนายเวายไม่เกียวกับเต้ยไม่ต้องมาอีกเลย

ไม่เรื่อกเต้ยไม่ต้องมาตรงหนึ่งอธิฐานไม่เรื่อกเต้ยเข้าใจใหม เต้ยไม่ถูกเรื่อกเธอไม่ต้องถึงมาตลอดเวลาเลย

เต้ยขอรวยแล้วไปไม่ต้องอีกเลย คุมคนนี้เลยเต้ยไม่มีอำนาจอะไรมากเลยนอ่ะ

เชื้อใจอีกครั้งนะเต้ย เต้ยไม่ต้องสิทธ์ทำเรือกใครเด็ดขาดจำไว้เลย เต้ยตามสัญญากันไว้เลิกไงสาวน้อย

หยุดได้เลยเต้ยไม่สิทธ์เหมือนรักหนึ่ง เต้ยบอกเลิกทำได้ใหมหนึ่งขอร้องเถอะ เชื้อใจอีกครุ้งนะเต้ย

ไม่เรือ่กมาทำไมกันไม่มาศุกร์เสาร์อาทิตย์ไม่ไม่ต้องมาด้วยเต้ย เต้ยไม่ต้องมาแรงตอนระครเหมือนคนรักกูไม่เสมอกันเลย ขอห้ามเหมือนรักหนึ่งด้วยนะยะมึง หยุดได้เลยเต้ยไม่สิทธ์เหมือนรักหน

น่าโมโหเต้ยมากเลยหนึ่งงด่าหิ่งมาไม่มาได้หลอเต้ย รำคาญเต้ยได้บอแก่เสีอกมาอยู่ได้ไปพ้นหน่ไม่อยากเจออีเต้ย

เต้ยห้ามมาแท่นที่คนรักหนึ่งไง น่าโมโหเต้ยมากเลยหนุ่งด่าหิ่งมาไม่มาได้หลอเต้ย

เต้ยสัญญาแกล้งมาแบบนี้สิ ไม่เอาไม่ต้องการเต้ยมาได้ยินใหมโว๊ย

คนนี้ไม่พอใจมึงไม่สอึเลยทุกวันเมื้อวานกับวันนี้ ไปพ้นสาายตาเลย

เต้ยไม่ไม่ต้องมาเสหนอหน้าก็ไม่ไม่ชอบ อยากใด้ตรางไปอีเต้ย

มื่อ เรารู้จักกรรมกันดีพอสมควรแล้ว ก็อยากอธิบายถึงเรื่องของเจ้ากรรมนายเวร ที่เป็นส่วนสำคัญมากที่สุดในเรื่องของกรรมนี้เพราะเขาเป็นเจ้าหนี้ตัวจริง เสียงจริงที่ทำให้เราต้องทนทุกข์ทรมานกันมากมายในทุกวันนี้ เจ้ากรรมนายเวรก็คือ คน สัตว์หรือวิญญาณ ที่เคยมีความเกี่ยวข้องกันกับเรามาในอดีต และเราเคยไปละเมิดล่วงเกินเบียดเบียนเขาไว้ หลายคนอาจจะเป็นพี่ เป็นน้อง พ่อแม่ เป็นเพื่อน หรือกระทั่งเป็นคน เป็นสัตว์ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย แต่ แล้วก็มีเหตุการณ์หนึ่งหรือปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เรากับเขาต้องมาเกี่ยวพันกัน ซึ่งเป็นวิบากกรรมอันเกิดจากการที่เราไปละเมิดล่วงเกินเบียดเบียนเขาไว้ทำ ให้เขาอาฆาต พยาบาทเราและ มีความต้องการให้เรา ต้องชดใช้ในสิ่งที่เราเคยละเมิดล่วงเกินเบียดเบียนเขามา บางคนอาจจะเคยทำกรรมอะไรไว้ที่เล็กน้อยเบาบางและคนที่ถูกเรากระทำนั้น เขาไม่ติดใจเอาความ ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ไม่เข้าข่ายและไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวร เรื่อง นี้ขอย้ำอีกครั้ง เจ้ากรรมนายเวรที่ส่งผลให้เราทุกข์ทรมานในหลายเรื่อง หลายวาระนั้นต้องเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่เขายังอาฆาต พยาบาท และยังต้องการให้เรานั้นชดใช้ และเขาจะให้อโหสิกรรมกับเราเมื่อไหร่ เวลาไหน หรือไม่ให้อโหสิกรรมนั้นขี้นอยู่กับเขาทั้งสิ้นไม่ใช่ตัวเรา และตัวเราไม่มีอำนาจอะไรที่จะไปบังคับเขา นอกจากการขอให้เขาให้อโหสิกรรมแก่เราเท่านั้น จะด้วยวิธีใดก็แล้วแต่เราจะเลือกทำ ตามความรู้ความถนัด จริตวาสนา บุญบารมีที่เรามีอยู่ในขณะนี้ กรรม ในบางกรณี ที่มีเจ้ากรรมนายเวรที่อาฆาตพยาบาทอยู่ค่อนข้างจะรุนแรง เพราะเราอาจจะมีส่วนที่ทำให้เขาเกิดการพลัดพราก สูญเสีย ทรัพย์สิน ญาติพี่น้อง คนที่เขารักหรือมีส่วนที่ทำให้เขาเกิดอุบัติเหตุทำให้เขาเจ็บป่วย ทนทุกข์ทรมานหรือถึงขั้นตายได้ หรือการที่เราทำให้ชีวิตใดชีวิตหนึ่งต้องสูญเสียไป ทั้งที่เจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม และ ที่สำคัญจิตของเขา ยังอาฆาตพยาบาทหรือต้องการให้เราชดใช้ จิตของเขาจะคอยติดตามจิตของเราไปในทุกภพ ทุกชาติ ไม่ว่าเราจะเกิดเป็นใคร เป็นคน เป็นสัตว์หรืออะไรก็ตาม จะไปเปลี่ยนชื่อนามสกุล ทำศัลยกรรม หนีไปสุดหล้าฟ้าเขียวที่ไหนก็ตาม เขาตามเจอ เราแน่นอนเขาตามเราที่จิต ไม่ใช่ตามที่รูปร่างหน้าตา ชื่อนามสกุลที่เปลี่ยนไป เปลี่ยนมา มีแค่เงื่อนไขเดียวเท่านั้นที่เขาจะเลิกรบกวนเรา คือถ้าเขาได้รับการชดใช้ที่เขาพอใจ หรือเขาให้อโหสิกรรมกับเราเองด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ไม่ ว่าจะเป็นการนั่งสมาธิขออโหสิกรรมเพื่อ แก้กรรม ลดกรรม ด้วยการทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ หรืออะไรก็ตามแล้วแต่วิธีการของครูบาอาจารย์แต่ละท่าน และชื่อเรียกวิธีการที่แตกต่างกันไป ถ้า เจ้ากรรมนายเวรเขาให้อโหสิกรรมกับเรา เราเองก็หลุดพ้นไปจากวิบากกรรมนั้น ไม่ต้องมาชดใช้กับเจ้ากรรมนายเวรกันอีก แต่มันยังคงมีเศษเวรเศษกรรม ซึ่งเหมือนดอกเบี้ยติดค้างอยู่ ที่เราจำต้องได้รับไม่อาจหลีกหนีพ้นไปได้ อย่า เรื่องขององคุลีมาล ที่แม้จะบวชเป็นพระและปฏิบัติจนเป็นพระอรหันต์แล้วก็ตาม แต่เศษเวรเศษกรรมที่มาจากการฆ่าคนของท่านก็ยังมีอยู่ เวลาที่ท่านออกไปบิณฑบาตหรือเดินทางไปที่ใด ท่านจึงได้รับการขว้างปาจนหัวแตก หน้าอาบเลือดทุกครั้ง ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง ที่ทรงฌานแก่กล้าได้เมตตาเล่าเรื่องของเศษกรรมที่เหลืออยู่ให้ฟังว่า มี ท่านผู้หนึ่งเป็นคุณหญิง มีตำแหน่งหน้าตาในวงสังคมถ้าหากเรากล่าวนามก็จะเป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศ ท่านได้มาเยี่ยมครูบาอาจารย์ท่านนี้ ขณะที่นั่งคุยกันนั้น ครูบาอาจารย์ท่านก็เห็นภาพนิมิตมันปรากฏออกมาแว่บหนึ่ง เห็นเด็กผู้ชายยืนร้องเพลงสนุกสนานอยู่สักพักหนึ่งเขาก็ขับรถออกมาเป็น เหมือนรถจิ๊ป เขาขับรถออกมากับเพื่อนคนหนึ่ง และรถยนต์ที่เขาขับพุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้าเกิดอุบัติเหตุอย่างแรง ปรากฏ ว่ารถคว่ำอยู่ เด็กผู้ชายคนนี้ถูกนำส่งโรงพยาบาลถูกพันแผล พันแขน พันขา พันตัว พันหน้าหมดเลยนอนอยู่ในห้องไอซียู สภาพที่เห็นในนิมิตนั้นไม่น่าจะดี อาจารย์ก็ถามคุณผู้หญิงว่า มีลูกชายตามลักษณะที่ท่านอาจารย์เห็นในนิมิตหรือไม่ คุณ หญิงคนนี้ก็ตอบว่ามี ครูบาอาจารย์ท่านนี้จึงเล่าในสิ่งที่เห็นให้ฟัง และมีการติดต่อสื่อสานว่าเจ้ากรรมนายเวรของลูกชายคุณหญิงนั้นเขาต้องการอะไร สิ่งใดที่จะต้องชดใช้ให้เขาจนเขาพอใจและอโหสิกรรมให้ และจำทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ ซึ่งก็ได้ตำตอบให้ไปถวายชุดบวช คือ ผ้าไตรจีวร อัฐบริขาร เป็นสังฆทาน มียา พร้อมทั้งผ้าป่าอีกกองหนึ่งไปถวายกับพระสงฆ์รูปหนึ่งที่มีวัตรปฏิบัติดีงาน เป็นเนื้อนาบุญที่ดี อานิสงค์ผลบุญจึงสูงตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามลูกชายของคุณหญิงก็ยังต้องได้รับเศษเวรเศษกรรมด้วยแน่นอน หนีไม่พ้นไปได้ เพราะ หลังจากนั้นอีก 7 วัน ลูกชายของคุณหญิงกับเพื่อนก็ออกมาจากที่ทำงาน แต่คราวนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เขาไม่ยอมขับรถเองให้เพื่อนขับให้ ปรากฏว่ารถคันนี้วิ่งเข้ามาชนเสาไฟฟ้า ชนจนเสาไฟฟ้าขาดท่อน และรถก็ล้มคว่ำลง สองคนก็คลานออกจากรถมาในสภาพที่ไม่เป็นอะไรมากเลย มีแต่เลือดตกยางออกเล็กน้อย เรื่องนี้ที่เอามาเล่าให้ฟังนั้น จะชี้ให้เห็นถึงบุญกุศลที่ทำไปสามารถผ่อนคลายวิบากกรรมจากหนักเป็นเบาได้ ถึงแม้เจ้ากรรมนายเวรเขาพอใจและอโหสิกรรมให้แล้ว แต่เราก็ยังคงต้องได้รับเศษเวรเศษกรรมอยู่ __________________ ขอชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ตายเมื่อไหร่ ขอถึงซึ่งพระนิพพาน แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ภัทรอังคาร : 14-02-2009 เมื่อ 02:59 PM ฯ ๗๑ ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม sponsor links ภัทรอังคาร ดูรายละเอียดของ ค้นหาโพสเพิ่มเติมของ ภัทรอังคาร ภัทรอังคาร Donation Stats View ภัทรอังคาร's Videos เก่า 14-02-2009, 01:49 PM #2 ภัทรอังคาร ภัทรอังคาร ได้ร่วมบริจาคเข้าโครงการของเว็บพลังจิตเพื่อเผยแผ่พุทธศาสนา ในระยะ2เดือนนี้ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ภัทรอังคาร's Avatar วันที่สมัคร: Jul 2008 สถานที่: ชายหาดพัทยา ข้อความ: 3,914 Groans: 37 Groaned at 45 Times in 15 Posts ได้ให้อนุโมทนา: 11,045 ได้รับอนุโมทนา 20,143 ครั้ง ใน 3,523 โพส พลังการให้คะแนน: 992 ภัทรอังคาร has a reputation beyond reputeภัทรอังคาร has a reputation beyond reputeภัทรอังคาร has a reputation beyond reputeภัทรอังคาร has a reputation beyond reputeภัทรอังคาร has a reputation beyond reputeภัทรอังคาร has a reputation beyond reputeภัทรอังคาร has a reputation beyond reputeภัทรอังคาร has a reputation beyond reputeภัทรอังคาร has a reputation beyond reputeภัทรอังคาร has a reputation beyond reputeภัทรอังคาร has a reputation beyond repute เจ้ากรรมนายเวรมีอะไรบ้าง ใน เรื่องขอเจ้ากรรมนายเวรนั้น อยากจะบอกว่า คนทุกคนที่เกิดมานั้น เรามีเจ้ากรรมนายเวรของเราติดตัวมากันทุกคน และจะมีเจ้ากรรมนายเวร อยู่ 2 แบบ จะอธิบายให้เข้าใจอย่างละเอียดก็คือ 1.เจ้ากรรมนายเวรแบบที่มีชีวิต 2.เจ้ากรรมนายเวรที่เป็นจิตวิญญาณอยู่ ขอ เริ่มจากเรื่องของ เจ้ากรรมนายเวรที่มีชีวิต เป็นเรื่องแรก เพราะเป็นเจ้ากรรมนายเวร ที่เราได้พบมีโอกาสเจอและสัมผัสสัมพันธ์กันอยู่บ่อยๆ เกิดเป็นวิบากกรรมกับเราได้เร็วแบบวันต่อวัน ทันตาเห็นเลย เจ้า กรรมนายเวรที่มีชีวิต ก็คือ เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกันกับเราที่ยังมีลมหายใจอยู่ ในชาตินี้เขาอาจจะเป็นคนใกล้ตัว อาจจะเป็นพ่อแม่พี่น้อง เพื่อน คนในที่ทำงาน เจ้านาย ลูกน้อง คนข้างบ้านหรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงที่เราเลี้ยงไว้ หรือ าจจะเป็นคนที่ไกลตัว อยู่ห่างกันก็ได้แต่ยังเฝ้ารอหาโอกาสที่เหมาะสมที่จะมาเจอเรา มาสร้างเรื่องราวให้เราต้องปวดหัวเป็นทุกข์เดือดร้อน หรือต้องการกให้เราต้องสูญเสียอะไรบางอย่างในชีวิตไป วิธี ง่ายๆที่เราจะรู้ได้และสังเกตด้วยตัวเองว่า เป็นเจ้ากรรมนายเวรในแบบนี้หรือไม่ ก็คือ ต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นคนหรือสัตว์ต่างๆที่นำความเดือดร้อนมาให้เรา มาสร้างความกังวลใจ มาตอแยเรานำความไม่สบายใจความทุกข์เดือนร้อนมาให้เราอยู่ตลอดเวลา เป็น คนที่เราเห็นหน้าก็อยากจะหนีไปให้พ้น ไม่อยากพบไม่อยากเจอ แม้แต่จะทำอย่างไรหนีไปไหนก็ยังหนีไม่พ้น ประเภทนี่แหละคือเจ้กรรมนายเวรแบบที่มีชีวิต ที่ตอนนี้มาถึงตัวเราแล้ว แต่ เมื่อเรารู้ตัวดีแล้ว รู้จักเขาว่าเป็นใครแล้ว พยายามทำดีกับเขา เข้าใจเขา ยอมเสียสละ ยอมทำตามที่เขาขอร้อง เลี้ยงดูเขาหรือแม้กระทั่งมีเหตุการณ์บางอย่าง ที่เรามีส่วนเกี่ยวข้องมาทำให้เขาพอใจ ซึ่งก็คือ การชดใช้ที่เราอาจจะไม่รู้ตัวเลย สังเกตดูง่ายๆ ก็ได้ว่า เจ้ากรรมนายเวรพวกนี้ก็จะเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางดี พูดและทำกับเรา คิดกับเราดีขึ้น ส่วน ในเรื่องเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นวิญญาณ นั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และมันอาจจะยากมากในการที่จะรับรู้ของคนทั่วๆไปเพราะเวลานี้สภาพของเราและ เขา มันเป็นการอยู่กันคนละมิติ คนละภพภูมิกัน ไม่อาจสื่อสารกันได้ตามช่องทางปกติของคนธรรมดา และ บางคนที่ไม่เชื่อในเรื่องของกรรม การทำบุญกุศล การอุทิศแก่ผู้อื่น ก็ยิ่งไปกันใหญ่เหมือนยังจมอยู่ในน้ำที่ลึก นับวันยิ่งจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ ไม่มีทางที่จะมีแรงพยุงตัวขึ้นมา พบกับแสงสว่างหรืออากาศที่ลอยอยู่เหนือน้ำได้เลย ฉะนั้น ครูบาอาจารย์ ท่านจึงเน้นการทำบุญ ทำทาน การถือศีลปฏิบัติธรรม ด้วยการเจริญสมาธิภาวนา เพื่อให้จิตมีพลังสูงขึ้น สามารถส่งผ่านความรู้สึกที่ดีงามไปถึงอีกฝ่ายหนึ่งได้ถูกต้องแม่นยำ เพราะเมื่อผู้รับเป็นจิตวิญญาณ ที่มีความละเอียดของรูปกายที่แตกต่างไปจากมนุษย์ทั่วไป มีทางเดียวที่เราจะสื่อสารกับเขาได้ ก็ด้วยจิตเหมือนกันกับเขา เจ้า กรรมนายเวรที่เป็นวิญญาณนั้น ตอนนี้เขาไม่มีร่างที่จะให้เราจับต้องหรือพูดคุยสื่อสารกันซึ่งๆ หน้าได้ เขาได้ละร่างตอนเป็นคนทิ้งไปแล้ว เหลือแต่เพียงจิตในรูปกายอันละเอียด ซึ่งอยู่ในภพภูมิชั้นต่างๆ การที่เราจะสื่อกับเขาได้นั้น ตัวเราเองต้องปรับสภาพจิตของเราให้ละเอียดพอที่จะติดต่อสื่อสารกับเขาได้ จิตต่อจิตที่สื่อสารกันได้นั้นเปรียบเหมือนเครื่องรับ เครื่องส่งวิทยุ หรือเครื่องส่งสัญญาณต่างๆที่ต้องมีความถี่ในระนาบเดียวกัน ถึงจะรับคลื่นชนิดเดียวกันได้ การ ที่เราจะสื่อกับเขาให้ได้ ก็เพื่อจะไปขอโทษ ขออโหสิกรรมจากเขาได้นั้น เราต้องฝึกจิต ซึ่งเกิดจากการทำสมาธิภาวนาให้จิตของเราอยู่ในระนาบ หรือคลื่นเดียวกันกับเขาหรือใกล้เคียงกัน เราต้องฝึกการรวบรวมจิตให้แข็งกล้า โดยการทำสมาธิเป็นการรวมจิต ปรับจากจิตที่หยาบให้ละเอียดขึ้น ปรับจากความวุ่นวายสับสน มีความฟุ้งซ่านมาให้เป็นจิตหนึ่งเดียวมีกำลังพุ่งตรงไปหาที่เจ้ากรรมนายเวร ไม่ต้องเบี่ยงเบนไปผิดทิศผิดทางได้อีก ใน กรณีที่คนเจ็บป่วย อาจจะเกิดจาการที่เจ้ากรรมนายเวรเขากระทำก็ได้ หรือว่าอาจจะเกิดจากสาเหตุอื่นก็ได้อันนี้คือแล้วแต่ ไม่ใช่ว่าเราเจ็บป่วยอะไรขึ้นมา โทษเจ้ากรรมนายเวรอย่างเดียวเลย ความเชื่อแบบนี้ไม่ถูกต้องนัก เราต้องพยายามหาสาเหตุให้เจอก่อน ซึ่ง มีครูบาอาจารย์หลายท่านที่สั่งสอนไว้ว่า ยิ่งเราทำสมาธิได้นิ่งมากเท่าไหร่ จิตเราก็ยิ่งมีพลังแกร่งกล้ามากขึ้นเท่านั้น จิตก็จะเดินทางไปได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น มีอำนาจมากขึ้นเท่านั้น เมื่อ เราทำสมาธิได้ สามารถรวมจิตได้แล้ว เราก็จะสื่อถึงเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นวิญญาณได้ดี บางคนที่เริ่มทำสมาธิอาจสงบน้อยก็รวมจิตได้น้อย การสื่อไปถึงเจ้ากรรมนายเวร เขาก็รับรู้แต่เราสัมผัสไม่ได้ ทั้งที่อยู่สภาพเดียวกัน คือ จิตเหมือนกันแต่ที่ยังสัมผัสไม่ได้ก็เพราะจิตยังไม่สามารถปรับให้มีคุณภาพ เข้ากับชีวิตที่อยู่ต่างมิตินั้นเหมือนเครื่องรับส่งสัญญาณ ทีอยู่กันคนละคลื่นความถี่ย่อมไม่อาจติดต่อสื่อสารกันได้ ขอ ให้รู้เถอะว่า ครูบาอาจารย์ที่เราเคยได้อ่านไม่ว่าจะเป็นพระเป็นฆราวาส ที่ฝึกจิตจนสามารถติดต่อกับวิญญาณได้นั้น เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น บางท่านก็ไม่พูดเพราะไม่ใช่กิจธุระอะไรของท่าน ที่ต้องมาโอ้อวดแต่อย่างใด ถ้า หากเราได้ฝึกสมาธิปฏิบัติมานานแล้ว รวมจิตไดมากจนถึงขั้นสัมผัสมิติที่ละเอียดได้ บางครั้งเจ้ากรรมนายเวรอาจจะมาแสดงตัวให้เราเห็นก็มี เมื่อเราสัมผัสได้และพยายามสื่อถึงเขา บางคนอาจจะขนลุก หรือเห็นภาพต่างๆ ได้เป็นเพราะเขาอยากจะให้เรารู้ว่า เราเคยทำกรรมอะไรมาบ้าง การ ฝึกสมาธิให้เกิดพลังจิตและเป็นพลังจิตที่ดีได้นั้น เราต้องเริ่มมาจากบุญที่มาจาก ทาน ศีล ภาวนา และต้องทำเป็นขั้นเหมือนเดินขึ้นบันได ไม่มีการลัดกระโดดข้ามขั้นตอนดั่งที่กล่าวมาแล้ว ............................................................... คัดลอกมาเป็นธรรมทาน จากหนังสือเรื่อง อยู่อย่างสว่างของ ธ. ธรรมรักษ์ ขอน้อมบุญกุศลทั้งหมดทั้งมวลอันพึงจะบังเกิดจากการเผยแพร่บทความนี้ให้กับ ท่านเจ้าของหนังสือ ที่ทำหนังสือดีๆออกมาให้อ่านกัน และขอให้ความดีอันพึงจะบังเกิดจากการถ่ายทอดบทความนี้สู่เว็บพลังจิต จงส่งผลให้เจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้าได้รับอานิสงค์ผลบุญด้วยกันทุกท่านทุก คนเทอญ และขอได้โปรดเมตตาอโหสิกรรมให้กับข้าพเจ้าด้วย คราวหน้าจะนำเรื่องราวของกรรม และการขออโหสิกรรมมาฝากค่ะ

ไม่การโฆษณาเต้ยไม่สิทธ์ทนแท่นคนรักหนึ่งไง หนึ่งไม่ต้องเกิดขึ้นเพาะเต้ยต้องโทษเต้ย

ไม่ต้องการเต้ยมาในโฆษณา

เต้ยไมาเห็นหน้ากันไงไมหยุดเจอะเจอกันในโฆษณา

เต้ยเลิกทุกสิ่งทุกอย่างหมดเลเลยนะค่ะ ไม่อยากเจอะเจอเต้ยทุกวันทุกคืนเลย

เต้ยไม่สิทธ์กั้นแกล้งหนึ่งไงปั้บเข้าบ้างสิอ่ะ เต้ยคนผิดกดหมายจริงเลยนะอ่ะ

แกล้งคนมันบาปธรรมรู้ชะด้วยเต้ย เต้ยสัญญญาสินค้าหยุดเลิกสัญญาอีนานใหมเต้ยถามเถอะ

ใครจัดการเต้ยหน่อย ใครก็กำจัดเต้ยหน่อยนะอ่ะ เกลียดไม่อยากเห็นไม่จงใจแกล้งหนึ่งทำไมมันไม่ดีเเลยเธอ

เลิกทำเลิกแกลีงหนึ่งเสืยที่เถอะ น่าโมโหเคเยมากเลยนะโว๊ย เกลียดหยิ่งเจอเต้ยหาไม่เข้าใจเลย

เต้ยด่าหยึ่งแกล้งมาอีกเลย เต้ยช่วยโฆษณาไม่ตรงห้ามห

หยุดมีเปลียงใครจ่ายโฆษณาเตเยไม่จ่ายโฆษณาเต้ยไม่ต้องมากเลย ไม่เห็นในโทรทัศน์อีกเ

อีเต้ยไม่สิทธ์ทำงานสินค้าอีกต่อขี้เต้ยถอนตัวเเดียวนี้เลย ไม่อยากเห็นหนน้าอีเต้ยอมขี้เต้ย

ไม่ต้องต้องสะอึไงอีเหื้ยไม่ขายสินค้าไง ห้ามสะอึทุกเรื่องไงมึงเอ๋ยจริงเลย

เธอเป็นผู้ชาย เธอก็คงจะไม่ลำบาก คงไม่ยากเย็น กับการลบเลือนเรื่องของเรานั้น เพียงแค่ข้ามคืน อาจลืมร้อยพัน วันที่ผ่าน แค่เธอนั้น ได้พบใครอีกคน กับตัวฉันเอง ตรงข้ามกัน กับเธอทุกอย่าง เพียงแค่วูบเดียว ที่ฉันคิด ถึงเรื่องวันนั้น ก็มีน้ำตา ยังเสียใจ อย่างนี้มานาน อาจมีใคร ที่ดีผ่านเข้ามา ก็ยังไม่ลืมบางคน ที่คุ้นตา เธอคงไม่รู้ ว่าผู้หญิง ที่จริงแล้ว ลืมยาก ถ้าลองรักใครมาก ก็มักจะฝังใจ อยากทำให้ได้ เหมือนอย่างเธอ ไม่รู้วันไหน ต้องรอถึงเมื่อไหร่ หรือต้องรอถึง วันตาย จะลืมเธอ อาจเป็นเพราะเธอ มีหัวใจ เพื่อวันข้างหน้า แต่ตัวฉันเอง วางหัวใจ ไว้กับความหลัง ภาพที่เห็นกัน ดูเหมือนฉัน ดีขึ้นทุกอย่าง แต่ความจริง ไม่ใช่เลย รอยยิ้มอย่างเคย ที่มีมันหายไป เธอคงไม่รู้ ว่าผู้หญิง ที่จริงแล้ว ลืมยาก ถ้าลองรักใครมาก ก็มักจะฝังใจ อยากทำให้ได้ เหมือนอย่างเธอ ไม่รู้วันไหน ต้องรอถึงเมื่อไหร่ หรือต้องรอถึง วันตาย จะลืมเธอ เธอคงไม่รู้ ว่าผู้หญิง ที่จริงแล้ว ลืมยาก ถ้าลองรักใครมาก ก็มักจะฝังใจ อยากทำให้ได้ เหมือนอย่างเธอ ไม่รู้วันไหน ต้องรอถึงเมื่อไหร่ หรือต้องรอถึง วันตาย จะลืมเธอ

เนื้อหา » สำหรับ ผู้ชาย เซ็กซ์ และอีโก้เป็นสิ่งที่เกาะเกี่ยวสัมพันธ์ กันอย่างประหลาด และซับซ้อน ซึ่งสร้างความเพลิดเพลินได้พอกับเป็นอันตราย ประเด็นแรก เขาจะภูมิในมากที่ผู้หญิงสักคนร่วมเต้นส่ายสะโพกบนเตียงได้ โดยแทบไม่นึกถึงเลยว่าอาวุธเผด็จศึกของตัวเองจะมีหน้าตาอย่างไร หรือเขาจะหัวล้าน และมีขนเต็มตัวหรือไม่ ส่วยสติรู้ผิดชอบชั่วดีก็หยุดทำงานตั้งแต่เริ่มบทรักแค่ 2-3 นาที ในบรรยากาศเพลิดเพลิน เนื้อแนบเนื้อนั้น เขาคิดว่าตัวเองมีกล้ามท้องแข็ง เป็นกระดานโต้คลื่น เป็นนักบุกทะลวงที่แข็งแกร่ง และมีอาการยักย้ายส่ายสะโพก ในแบบที่ทำให้ Ricky Martin ดูเหมือนเป็นอัมพาตเลยทีเดียว แต่เท่าที่ได้อ่าน ได้ยิน ได้รับรู้กันมาผู้หญิงจำนวนมาก ไม่สนุกกับการหลอกตัวเองในระดับเดียวกันนั้น อาจเป็นเพราะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างโหดร้ายมาก่อน หรืออาจะเป็นเพราะกังวลใจไปเอง ซึ่งผู้ชายไม่มีวัน และไม่เคยเข้าใจความรู้สึกเหล่านี้ ถึงอย่างไรก็ขอรับรองว่าขณะที่ผู้ชายกำลังบรรเลงเพลงรักกับคุณอยู่นั้น เขาจะไม่พิจารณาอวัยวะของคุณ ซึ่งคุณเห็นว่าบกพร่อง แม้แต่น้อย ไม่ต้องนึกถึงเรื่องที่เขาจะชอบหรือไม่ชอบเลยด้วยซ้ำ ข้อเสียที่มา พร้อมกับการไม่ใส่ใจภาพลักษณ์ตัวเอง และความมั่นใจเหลือหลาย ของผู้ชายในเรื่องบนเตียง คือพวกเขามักจะ เชื่อว่าตัวเองเป็นคู่รักที่ดีว่า ความเป็นจริง จะพูดให้เห็นภาพก็คือ คุณจับผู้ชายมา 10 คน และถามว่าเขาคิดว่าตัวเองเป็นนักวิงที่เก่งหรือเปล่า อาจมี 2 หรือ 3 คนตอบว่า เป็นสิ อาจมี 4 คนตอบบว่าก็ใช้ได้ ส่วนที่เหลือก็จะบอกว่า "ยังห่างไกลมืออาชีพนัก" แต่ถ้าถามผู้ชายกลุ่มเดิมว่า เขาเป็นนักรักที่เก่งหรือเปล่า เก้าในสิบคน จะบอกว่าตัวเองดีกว่ามาตรฐานทันที คุณอาจแย้งทันควันว่า ไม่จริงย่ะ ไม่จริงย่ะ ซึ่งถูกต้องเพราะบทบาทการแสดงออกบนเตียงของผู้ชาย นั้นมีจำกัด เหมือนเวลาคัดเลือกตัวแสดงนั่นแหละ บทที่มีจำกัดก็เลยต้องจำกัดคนเก่งไปด้วย และนี่คือบทรักที่ผู้ชายแสดงมาที่สุด 1. บทรักบ้าคลั่ง เรื่อง เกิดขึ้นในค่ำคืนหนึ่ง อาจเป็นเพราะดื่มแอลกอฮอล์ที่ปลดปล่อยฮอร์โมนในปริมาณได้ที่ หรืออาจเป็นเพราะจันทร์เต็มดวง หรืออาจเพราะเขาถูกปลุกเร้า และระเบิดแรงปราถนา ที่ร่างกายต้องการผ่อนคลาย ถือว่าเป็นเซ็กซ์ที่ห่าม และรวดเร็วที่สุดที่ผู้ชาย สามารถทำได้ กระโปรงจะถูกถลกขึ้น ท่าใหม่ๆ เริ่มบรรเลง เสียงครวญครางดังก้อง และบทพูดคุยลามกเกินฟังไหว ประหนึ่งว่า เขากำลังทดสอบบทในหนังโปยังไงยังงั้น ลืมไปเลยเรื่องความผูกพันทางใจ หรือความอ่อนโยน มีแต่กามกิจที่ต้องทำให้ลุล่วงเท่านั้น หลังจากนั้น คุณสองคนก็จะ พยายามกลบเกลื่อนบรรยากาศดิบห่าม เมื้อกี้โดยการแสดงความรักด้วยการ กอดและจิบน้ำชาพร้อมกับกระซิบว่า "สุดยอด" ส่วนที่ดีที่สุดในบทรักแบบนี้คือ คุณต่างพอใจทั้งสองฝ่าย 2. บทรักเตรียมพร้อม อาจ เริ่มต้นด้วยคำเชิญชวน หรือพูดให้ถูกก็คือแผนการที่จะพาคุณกลับที่พักของเขาอาจเป็นลูกไม้เก่านัดไป ปรึกษาหารือ หรือพบปะสังสรรค์ก่อนจะ "อยากดื่มกาแฟ หน่อยไหม" ผู้ชายบางคนถึงกับลงทุนโกหกว่า "ไง... ผมเองนะ ผมรู้สึกไม่สบายใจเลย มาเจอผมหน่อยได้ไหม" คงนึกภาพออกนะว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาอยากทำให้คุณ ประทับใจกับรสนิยม อันดี และความรักศิลปะของเขา ซึ่งก็ต้องเตรียมด้วยการโกยเสื้อผ้าที่ไม่น่าจะมีอยู่ในตู้เสื้อผ้าเขาเข้า ตะกร้า โละกล่องพิซซ่ากองพะเนินทิ้ง ซื้อกระดาษทิชชู่ม้วนหนาสองชั้น และจุดเทียนให้รอบบ้าน อาจจะซื้อตำราทำอาหารไว้ด้วย แต่เตรียมอุ่นอาหารแช่แข็งที่วื้อมาจัดฉากว่าเป็นอาหาร "ทำเองใหม่ๆ" ขณะเดียวกันก็จะประดับที่พักด้วยแสงสลัว เล่น ซีดีเพลงคลาสิค ที่แถมมากับเครื่องและทำสิ่งน่าแปลกใจสุดๆ คือการเปลี่ยนผ้าปูทีนอน 30 วินาทีก่อนคุณมาถึง เขาจะดึงหนังสือปกแข็ง ออกจากชั้นและวางไว้ในเก้าอี้ เพื่อให้คุณประทับใจว่าการนั่งในห้องที่มีแสงเทียนสลัว ฟังเพลงของ Bach และอ่านผลงานของ ตอล สตอย ไปขณะที่อาหารสดใหม่เตรียมพร้อมอยู่ในครัว เป็นชีวิตปกติ ธรรมดา สำหรับคนเช่นเขา ที่ชอบแสวงหา ความรู้ใส่ตัวและแสนจะโรแมนติก เจาอาจสำรวจฉากสวยๆ นี้อีก 1 นาที และรับรอง กับตัวเองอย่างโอ่อ่าว่า "เธอจะห้ามใจอย่างไรไหว เมื่อเห็นเราในฉากนี้" เมื่อคุณมาถึง เสื้อแจ๊คเก็ต จะถูกถอดออก คุณดื่มไวน์ เขาฟังทุกพยางค์ที่คุณพูด อย่างหลงไหล และในทีสุด... คุณจูบกัน ถ้าคุณเต็มใจ เขาก็จะจูงมือคุณเข้าห้องนอน ซึ่งขั้นตอนต่างๆ จะค่อยๆ เริ่มขึ้น เขาจูบคุณที่ซอกคอ ติ่งหู ไหปลาร้า และทุกที่ยกเว้น ส่วนสำคัญ จนเขามั่นใจว่าคุณฝืนต่อไปไม่ไหวแล้วนั่นแหละ นี่นับเป็นบท รักที่ยอดเยี่ยมที่จะทำได้ เป็นบทรักประณีตเชื่องช้าที่ต้องใช้สมาธิสูง เพื่อป้องกัน ไม่ให้ทุกอย่างจบลงในนาทีที่เขาเห็นคุณเปลือย ซึ่งเท่าที่รู้ไม่เคยเกิดขึ้น มาก่อนเป็นเซ็กซ์ในแบบที่เขาต้องการทำให้แขนขาของคุณ อ่อนปวกเปียก และจดจำว่าเขาคือนักรักคนหนึ่ง และกระหายรสสัมผัสของเขาตลอดช่วง 2 อาทิตย์ที่คุณต้องพักฟื้นร่างกายนั่นเทียว 3. บทรักมืนเมา ลึกๆ ในใจผู้ชายรู้ดีว่าพวกเขาจะดูอุบาทว์ที่สุด หลังจากดื่มเหล้าไปแล้วหลายแก้ว แต่โชคดีที่มีผู้หญิงบางคนยอมหลับนอนกับผู้ชาย เมื่อเขาหรือคุณเมา และ นี่คือฉากเชิญชวน ที่พบเห็นได้ทั่วไป ในงานปาร์ตี้แห่งหนึ่ง เขาคว้าเหล้า มากรึ๊บ หลังจากพอได้ที่แล้ว เขาก็เริ่มเอาตัวอักษรแม่เหล็กติดตัวตู้เย็น มานั่งเรียงเป็นคำลามก แถมยังเต้น สะบัด แบบเพลง "Oopss I did it again" โดยไม่สนใจ ว่า จะเป็นเพลงอะไรก็ตาม จากนั้น เขาก็ชวนคุณเต้นรำ พร้อมทั้งสายตาที่จ้องคุณแบบเย้มฉ่ำ (เพราะเมา) คำพูดระรื่นหู เริ่มออกจากปากเขา ไม่ว่าคุณจะอัปลักษณ์เพียงไหน ก็สวยในสายตาเขา ขณะนั้น สุดท้ายเรื่องคงจบลงที่เตียง แต่กว่าเขาจะพาคุณไปที่เตียง และบรรจงถอดเสื้อของคุณทีละชิ้นได้นั้น มันแสนยากเย็น (ยกเว้นคุณช่วยถอด) เพราะฤทธิ์เข้าแอลกอฮอล์ จะทำให้ความสามารถของเขาลดลง รวมทั้งทางเพศในขณะนั้นด้วย ฉะนั้น กว่าคุณทั้งสองจะถึงจุดสุดยอดคงใช้เวลา อย่าให้เขาอ๊วกใส่บนตัวคุณละกัน เพราะไม่งั้นหมดสนุกแน่ 4. บทรักสอนเชิง เดี๋ยว นี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปจากสมัยก่อน โดยเริ่มตั้งแต่ยุคทศวรรษ 70 ที่ผู้หญิงเคลื่อนไหว ประกาศจุดยืนว่า เพศหญิงและเพศชายมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน ในการหาความพีงพอใจทางเพศ นับแต่นั้นผู้หญิงก็มีสิทธิ์ ในทางการเมือง มีสิทธิ์พูดว่า ตื่นเร็วที่รัก นี่เช้าวันศุกร์นะ เราต้องทำอะไรกันหน่อย หรือไม่แปลกที่จะพูดว่า "รอก่อนที่รัก ฉันกำลังจะเสร็จเดี๋ยวนี้แล้วนะ" ผู้หญิงสมัยใหม่ มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้อง ความสุขสุดอย่างอีกสักครั้ง หรือ อีกหลายครั้งก็ได็ ประเด็น สำคัญคือผู้ชายต้องรู้จักจุดปลุกเร้าอื่นของผู้หญิง นอกเหนือจากอวัยวะสำคัญใต้สะดือด้วย ซึ่งสาวๆ ก็เต็มใจอย่างยิ่งที่จะช่วยเจาในเรื่องนี้ และนี่คือสาเหตุที่ผู้ชายเดี๋ยวนี้ต้องอ่านคู่มือ ประกอบกิจบนเตียง อวัยวะ สำคัญของหญิงสาวก็คือ ปลายประสาทจำนวนมากนั่นเอง ซึ่งผู้หญิงต้องช่วยคุณผู้ชายค้นหา เดี่ยวนี้ผู้ชายเขาให้เกียรติสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้น ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นอะไร และน่าคิดว่า พระเจ้าคงเป็นผู้ชายจริงๆ เพราะถ้าเป็นผู้หญิงคงจะทำป้ายติดตรงคลิตอริส แล้วว่า "นี่คุณ ฉันอยู่ตรงนี้" เจ้าส่วนนี้ของผู้หญิง ที่ได้ยินชื่อกันบ่อย ไม่เพียงแต่ยากจะมองเห็นด้วยตาเปล่าของผู้ชายเท่านั้นนะ มันยังสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้ด้วย คุณคงกรีดร้องแย้งว่า "เป็นไปไม่ด้าย..ย....." แต่เรามีข้อพิสูจน์ว่ามันเป็นไปแล้ว ผู้ชายหลายคุณเป็นพยานได้ เพราะขณะที่เขากำลังทำหน้าที่อย่างแข็งขัน บริเวณส่วนนี้เพื่อมอบความสุขแก่คู่รัก พวกเธอจะชี้นำ เสมอว่า "ไปทางขวานิดค่ะ ขึ้นมาอีกหน่อย มากไปแล้ว ลงมาอีก" เห็นไหมล่ะว่ามันย้ายที่ได้ แต่คุณจะเพลิดเพลินมีความสุขมาก และเชื่อไหมว่าสิ่งกระตุ้นอารมณ์ผู้ชายสิ่งหนึ่งคือการที่เขารู้ว่า เขากำลังทำให้คู่รักตื่นเต้น 5. บทรักคุ้นเคย เป็นบทรักที่ เกิดขึ้น เมื่อความสัมพันธ์ราบรื่น มั่นคงแล้ว แต่ต้องยอมรับว่า ความเร่าร้อนทางเพศจางลง เหลือแค่ความอบอุ่นยั่งยืนเท่านั้น อาจเกิดขึ้นแม้ในขณะที่คุณกำลังอ่านหนังสือบนเตียง ส่วนเขาดูกีฬาทางจอทีวีอยู่ก็ได้ เขาเข้าหาคุณ และรับรู้ถึงภาษากาย และท่าทีของคุณว่าเป็นใจให้ความสนุกเกิดขึ้น และเมื่อเริ่มต้นก็จะคล้ายคลึงอย่างมากกับครั้งที่แล้ว แต่แน่นอนว่าให้ความรู้สึกดี คุณคุ้นเคยกับร่างกายของอีกฝ่ายหนึ่ง รู้ดีว่าอย่างไร เมื่อไหร่ และตรงไหนที่อีกฝ่ายหนึ่งอยากให้สัมผัส และต่างเรียนรู้ที่จะอ่านปฎิกิริยาตอบสนองทางร่างกาย ของกันและกัน เพราะช่วงเวลานี้เน้นประสาทสัมผัสทางร่างกายอย่างมาก จึงย่อมไม่ใช่บทรักมาราธอน แต่ทุกๆ วินาทีมีแต่คุณภาพ 6. บทรักรำลึก ความหลัง คุณ อาจจะเลิกลากับแฟนคนเก่าอย่างขมขื่นใจ เต็มไปด้วยน้ำตา และความคั่งแค้นใจ ปวดใจ และเสียใจ หรืออาจจะเป็นการเลิกราแบบศิวิไลซ์ในร้านกาแฟ โดยตกลงว่าเป็นเพื่อนกัน 6 เดือนต่อมาเขาก็โทรมาหาคุณ และทักทายคุณ คุณตกลงมาพบเขาเพื่อจะหาอะไรดื่มสักเล็กน้อย จากนั้นตัดฉากเห้นคุณเดินเปล่าเปลือยอยู่ในอพาตเม้นท์ของเขา ซึ่งคุณยังรู้ที่ทางดีแม้ในความมืด เซ็กซ์ยอดเยี่ยมมาก ลองนึกดูเถอะว่าคู่รักใหม่ แต่รู้ดีว่าจุดไหนสั่นประสาทคุณน่ะจะไม่ดีได้อย่างไร แน่นอนว่าคุณต่างรู้ดีว่ามันหมายถึงอาหารเช้า พร้อมข้อตกลงว่า "เมื่อคืนคือความผิดพลาด" คุณจะกอดกันและสัญญาว่าจะโทรไปหากันเร็วๆนี้ และไม่คุยกันไปอีกนาน 6 เดือน จากนั้นไม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะโทรหาว่า "แค่อยากทักทายน่ะ" 7. บทรักสั่งลา ผู้หญิงหลายคนพยายามลด ทอนความเจ็บปวดที่ทิ้งผู้ชายสักคน ด้วยการหลับนอนกับเขาเป็น "ครั้งสุดท้าย" ผู้ชายบางคนต้องการต่อสู้กับความเจข็บปวดนั้นมากกว่าที่จะถูกลดทอนคุณค่า ด้วยเซ็กซืสั่งลา และวามขัดแย้งในตัวมันเอง แต่กับผู้ชายอีกหลายคนเเซ็กซ์ก็ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดชั่วขณะได้บ้าง เป็นบทรักที่สนิทสนมอ่อนโยนซึ่งคุณเชื่อว่าคุณกำลังทำให้เขารู้สึกเป็นฝ่าย ถูกทอดทิ้งน้อยลง ในทางตรงกันข้ามเขากลับจะรู้สึกว่านี่คือโอกาสสุดท้ายที่คุณ(คนโง่) จะได้ร่วมรักกับนักรักที่สุดยอดเช่นเขา เขาย่อมเจ็บปวดอยู่ดีในวันถัดไป ขณะที่คุณจะรู้สึกเจ็บปวดเพียงเล็กน้อย เป็นเจ็บที่รู้สึกดี ไหนๆ คุณก็ทนอยู่กับเขามามากพอแล้ว คุณก็สมควรได้รับบทรักแบบทุ่มเทจิตใจเช่นนั้นของเขาเป็นครั้งสุดท้ายสิ

เคยได้ยินกันไหมคะเสียงที่ไม่อยากได้ยิน ตอนนี้ดิชั้นเข้าใจแล้วว่าเวลาหมามันได้ยินนกหวีด แล้วเกิดอาการโหยหอน มันเป็นอย่างไร แต่ดิชั้นยอมนั่งฟังเสียงนกหวีด ยังดีกว่าได้ยินเสียง แจ๋นๆ จากน้องผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ฟังแล้วสามารถเป็นสารก่ออาการไมเกรนได้ ประหนึ่งเป็นเสียงหวีดหวิวของเปรตหรือสัมภเวสีมาขอส่วนบุญ แต่ เธอคนนี้ไม่ได้ขอส่วนบุญค่ะ เธอขอความสนใจจากคุณผู้ชายหน้าหม้อ (หรือไม่หม้อเราก็ไม่รู้) แต่ทำไมมันใช้ได้ผลวะ เธอคนนี้ได้รับความสนใจเป็นพิเศษจริงๆด้วย ขอบอกเราไม่ได้มีอคติกับผู้หญิงแบ๊วๆ ผู้หญิงน่ารัก ผู้หญิงพูดจา งุ้งงิ้งๆ เพราะถ้าบางคนเธอนิสัยเป็นแบบนั้นแล้ว เราเป็นผู้หญิงเราก็ว่ามันน่ารักดีอยู่ไม่ใช่น้อย แต่เดี๋ยวก่อนสำหรับเธอคนนี้เราฟังไปไม่ถึง 10 นาที เราก็สามารถฟันธงได้เลย ว่าเธอคนนี้เป็นโรคกระแดะ แกล้งโง่ และ แอ๊บแบ๊วเป็นที่สุด อาจะจะด้วยหน้าตาของเธอ เราไม่ได้ว่านะ แต่ถ้าจะนับแล้วมันก็ไม่ได้ดีเด่อะไรมากนัก เธอจึงคิดว่าการที่สร้างจุดเด่น ด้วยการมาฉอเลาะใกล้ๆ ถามโน่น-นี่ ชวนคุยนั่น-นี่ พอผู้ชายแกล้งหลอกอะไร ก็ทำเสียงวี้ดว้าย เป็นที่น่ารักน่าทะนุถนอม คงจะดีกว่านั่งเงียบไม่มีอะไรเลยก็เป็นได้ แต่ถึงขั้นนั้นเรายังพอรับได้ ถ้าเธอไม่พูดขึ้นมาว่า “บรูซ ลี เป็งใครเหยอ ใช่คนที่ใส่ชุดวอร์มสีเหลืองๆ ตลกๆอ้ะป่าว ฮุๆๆๆๆๆ ฮิๆๆๆๆๆ” (รู้ว่าใส่ชุดเหลือง แล้วเมิง ยังไม่บอกไม่รู้จักอีกเหรอ ) “ พี่คะ พี่อ่านภาษาอังกฤษแล้วพี่เข้าใจเลยเหรอคะ หรือว่า พี่อ่านแล้วเก็บไว้ค่อยมาแปล” ( แน่ล่ะ ตรูอ่านตรูก็เข้าใจสิ พี่ไม่ได้โง่ววว เหมือนคุณน้องค่ะ) คุณผู้หญิงทุกๆคนคะ เราว่ามีอีกหลายวิธีที่ทำให้เราน่าสนใจ มากว่า ปัดขนตายาว 5 นิ้ว ใส่ส้นตึก แต่งหน้าสวยๆ แต่งตัวดีๆค่ะ แต่ก็ไม่รู้ทำไม จาการสัมภาษณ์เพื่อนผู้ชายรอบข้าง ทำไมแต่ละคนถึงไม่รู้เลยวะ ว่าอาการ ที่คุณๆเห็นอยู่ สาวเจ้าเธอแอ๊บสุดริด เพราะคำตอบที่ถามไปว่าชอบผู้หญิงกระแดะไหม มันตอบมาว่า รายที่1 “เราไม่ชอบวะ บางคนมันอาจจะชอบ คนหน้าหม้อ มักมองไม่ออก “ จะบอกว่าตัวเองไม่หม้อ ว่างั้น “แน่นอน เราหม้อเงียบๆ 555” รายที่ 2 ชอบผู้หญิงกระแดะ ป่ะ “ไม่ชอบดิๆๆๆ” แล้ว แยกออกป่ะว่าอย่างไหนกระแดะ “อันนี้ยากเลย แยกไม่ออกงะๆ ก็ชอบนะให้หญิงมาชวนคุยโน้นนี่ ถามโน้นนั้น เพราะเราคุยไม่เก่งอยู่แล้วนิ 55” รายที่3 แกชอบผู้หญิงกระแดะ ป่ะ “ไม่” แล้วดูออกป่ะว่าแบบไหนกระแดะ “เวลาอยุ่ด้วยละเริ่มรำคาญ นั่นแหละ” แล้วรำคาญเราป่ะ “ไม่” แสดงว่าเราไม่กระแดะ555 รายที่4 “เราควรสงสารเข้าไหมเนี่ย ที่มีเสียงแบบนี้” ไม่ใช่เสียงเค้าหรอก มันเป็นเสียงที่เค้าตั้งใจพูดให้เป็นแบบนี้ต่างหาก “อ้าวเหรอ ผู้หญิงนี่ลึกลับซับซ้อนจริงๆ ผู้ชายทำแบบนี้ไม่ได้แหงๆ” อื่ม ตกลงเราควรจะต้องทำอย่างไรดีน้อ หรือควรจะทำใจอย่างเดียวว่าแกน่ะ แก่แล้วขี้อิจฉาอีก อิอิ

เรื่องที่จะบรรยายต่อไปนี้ ขอพูดเน้นแค่"วันเกิด" ขำๆค่ะ ซึ่งมีส่วนถูกบ้างเป็นหลัก เป็นรองขอแฝงด้วยความฮา ไม่ต้องห่วงเพราะเราว่าทุกคน รวมถึงวันเกิดเราด้วย ฮาฮาฮาฮา! ความแร่ด กระแดะ ดัดจริตตามประสาหญิงๆ ผู้ชายพอดูได้ แต่ผู้หญิงดูแล้วดีกว่า ถูกต้องกว่า อิอิ สาววันจันทร์.... หวานแอบ(อ้อล้อ)เงียบ เธอจะสุภาพนุ่มนวล อ่อนหวาน หญิงไทยเลยจริงๆ เธอจะใช่ที่สุด! สาววันนี้จะขายออกดีที่สุด ง่ายที่สุด เป็นอะไรที่ถูกใจชายมาก เพราะ เธอจะหวานบาดใจชาย ค่อนข้างเอาใจเก่ง แล้วก็ชอบให้คนเอาใจด้วย ขี้อ้อน อ้อล้อเงียบๆ ไม่โวยวาย พูดจานิ่มๆ ไม่ชอบความรุนแรง แต่พระจันทร์ก็ย่อมมีความแปรปรวน!! ฉะนั้นอารมณ์ของสาววันนี้ไม่คงเส้นคงวานัก บทจะร้ายก็ร้ายเหมือนนางร้ายใน ละคร (แต่ไม่แสดงออก) ในใจบางทีเต็มไปด้วยทิฐิ เรียกง่ายๆว่า ร้ายลึกนั่นแหล่ะ สาววันอังคาร.... ยัยเปรี้ยว(ตลาดแตก) สาวลุยๆ แอบเปรี้ยว บางทีเธอก็มักจะได้เป็นหัวหน้าก๊วนเพื่อนๆ หรือไม่เพื่อนเธอก็อาจจะแวดล้อมไปด้วยเพื่อนผู้ชายมากกว่าผู้หญิง มีความแมนในตัว แต่ก็แฝงไปด้วยความเปรี้ยวเสมอ ชอบแต่งตัวจี๊ดๆ แนวๆ ปากจัดพอใช้ได้เลย ค่อนข้างกล้าหาญ ไฮเปอร์พอสมควร นักกิจกรรมด้วยเหมือนกัน มักพูดเร็ว คิดเร็ว ทำอะไรเร็ว สาววันพุธ.... คนที่คิดว่าตัวเองน่ารัก(ที่สุด) คน วันพุธส่วนใหญ่มักจะสมองดี ฉลาดคิด แต่อาจจะเนื่องด้วยเป็นคนที่วันเกิดอยู่ตรงกลาง ก็เลยรูปร่างหน้าตามักจะกลางๆ ไม่สวยไม่ขี้เหร่ แต่จะไม่โดดเด่นเกินไป เธอ มักจะชอบแอ๊บเด็ก คิดว่าตัวเองยังเด็กเสมอ ชอบเล่นชอบใช้ของจุ๊กจิ๊ก ติ่งๆปนปัญญาอ่อนบ้างในบางครั้ง ชอบทำตัวร่าเริง สนุกสนานแบบเด็กๆ โนเนะ อะไรทำนองนี้ สาววันพฤหัส.... พี่สาว(คนสวย)ของทุกคน ถ้าเปรียบคนวันพุธเป็นเด็กหญิง คนวันพฤหัสก็ทำนองผู้หญิงสาวเต็มตัว มักแสดงท่าทีเป็นผู้ใหญ่ สุขุม จิตใจใฝ่ธรรมเสมอ ค่อนข้างใจเย็น พูดจาดี เป็นที่พึ่งคนอื่นได้..ในบางครั้ง แต่บางทีเธอก็แอบมีไฟไว้ในใจอยู่เหมือนกัน บางครั้งก็เข้าข่าย มือถือสากปากถือศีล สาววันศุกร์.... (กระแดะ)ไม่เกรงใจใคร ครบ สูตร รูป รส กลิ่น เสียง รวมแล้วอยู่ในตัวของเธอ หัวใจเธอไม่เคยร้างรัก ซุกซนเสมอ แต่จะมากจะน้อย แค่คิดหรือทำจริงๆ อันนี้ขึ้นอยู่กับส่วนบุคคล เป็น สาวสังคม ชอบความบันเทิงเริงใจมาก และหากคนวันศุกร์เป็นดารานักร้อง ก็จะรุ่งอย่างมากเชียว พูดจาฉอเลาะเก่ง มีความเป็นหญิงในตัวสูงแต่ต่างกับวันจันทร์นิดนึงที่ วันศุกร์จะกล้าแสดงออกมากกว่า สาววันเสาร์.... บึกบึนห้าวหาญ(ปานผู้ชาย) ให้สังเกตคนวันเสาร์มักพูดจาไม่ค่อยเพราะ โผงผาง ตึงตังเสมอ หรือบางครั้งก็พูดจาดีมีคะ/ขาอะไรแล้ว แต่หน้าตาก็ไม่ค่อยให้สักเท่าไหร่ เสียงของเธอจะทรงพลัง อดทน มาดมั่นอย่างกับชายชาตรี ค่อนข้างห้าว ไม่กลัวใคร ลุยๆ หนักเบาเอาสู้ เอ.. วันนี้ไม่ค่อยว่าเลย ก็เธอไม่ค่อยกระแดะในทางนั้น แต่การแสดงออกที่เธอเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ เพราะเธอเหมือนผู้ชาย ไม่ค่อยเหมือนผู้หญิง สาววันเสาร์ถ้าไม่โชคดีเรื่องความรักไปเลย ก็จะอาการล่อแล่ไปเลยแหละนะ สาววันอาทิตย์.... ผู้รู้ดี(ไปหมด) เป็น คนใจดี เป็นที่พึ่งของคนอื่นได้เสมอ แต่ทำบุญกับใครมักไม่ค่อยขึ้น เค้าได้ดีแล้วจะโดนถีบหัวส่ง ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน อวดรู้ รู้ดีไปหมด จนบางคนไม่เข้าใจก็หมั่นไส้ เธอขี้จุกจิกเรื่องมากพอสมควร อีโก้สูงมั่กๆ มีความหยิ่งทะนงในตัว ไม่ค่อยก้มหัวให้ใคร แต่บทจะฉอเลาะจริงๆ ก็พูดเก่ง แผล่บๆได้ไม่แพ้ใครสินะ บางทีเธอก็อ่อนสุดฤทธิ์ บางทีก็แข็งสุดกระด้าง อารมณ์ขึ้นๆลงๆ เอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ เอาใจยากหน่อยก็คนมันแรงน่ะค่ะ โดยรวมแล้ว ถ้าเรียงความเป็นหญิงมากไปหาน้อย จันทร์ > ศุกร์ > พฤหัส > พุธ > อาทิตย์ > อังคาร > เสาร์ สาววันจันทร์ขายดีที่สุด รองมาก็สาววันศุกร์.... จริงๆ คนทุกวัน หรือคนทุกคน ก็มีส่วนดีบ้างเสียบ้าง ซึ่งแล้วแต่เราอยากจะเลือกรักกับคนแบบไหน? เราอยู่กับคนแบบไหน แล้วสบายใจ เป็นตัวของตัวเองที่สุด และมี give & take อย่างสมดุลย์ ก็คือ "คนนั้น" แหละนะ ใช่เลยค่ะ : ) อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1922587#ixzz139ksAosR

เรื่องที่จะบรรยายต่อไปนี้ ขอพูดเน้นแค่"วันเกิด" ขำๆค่ะ ซึ่งมีส่วนถูกบ้างเป็นหลัก เป็นรองขอแฝงด้วยความฮา ไม่ต้องห่วงเพราะเราว่าทุกคน รวมถึงวันเกิดเราด้วย ฮาฮาฮาฮา! ความแร่ด กระแดะ ดัดจริตตามประสาหญิงๆ ผู้ชายพอดูได้ แต่ผู้หญิงดูแล้วดีกว่า ถูกต้องกว่า อิอิ สาววันจันทร์.... หวานแอบ(อ้อล้อ)เงียบ เธอจะสุภาพนุ่มนวล อ่อนหวาน หญิงไทยเลยจริงๆ เธอจะใช่ที่สุด! สาววันนี้จะขายออกดีที่สุด ง่ายที่สุด เป็นอะไรที่ถูกใจชายมาก เพราะ เธอจะหวานบาดใจชาย ค่อนข้างเอาใจเก่ง แล้วก็ชอบให้คนเอาใจด้วย ขี้อ้อน อ้อล้อเงียบๆ ไม่โวยวาย พูดจานิ่มๆ ไม่ชอบความรุนแรง แต่พระจันทร์ก็ย่อมมีความแปรปรวน!! ฉะนั้นอารมณ์ของสาววันนี้ไม่คงเส้นคงวานัก บทจะร้ายก็ร้ายเหมือนนางร้ายใน ละคร (แต่ไม่แสดงออก) ในใจบางทีเต็มไปด้วยทิฐิ เรียกง่ายๆว่า ร้ายลึกนั่นแหล่ะ สาววันอังคาร.... ยัยเปรี้ยว(ตลาดแตก) สาวลุยๆ แอบเปรี้ยว บางทีเธอก็มักจะได้เป็นหัวหน้าก๊วนเพื่อนๆ หรือไม่เพื่อนเธอก็อาจจะแวดล้อมไปด้วยเพื่อนผู้ชายมากกว่าผู้หญิง มีความแมนในตัว แต่ก็แฝงไปด้วยความเปรี้ยวเสมอ ชอบแต่งตัวจี๊ดๆ แนวๆ ปากจัดพอใช้ได้เลย ค่อนข้างกล้าหาญ ไฮเปอร์พอสมควร นักกิจกรรมด้วยเหมือนกัน มักพูดเร็ว คิดเร็ว ทำอะไรเร็ว สาววันพุธ.... คนที่คิดว่าตัวเองน่ารัก(ที่สุด) คน วันพุธส่วนใหญ่มักจะสมองดี ฉลาดคิด แต่อาจจะเนื่องด้วยเป็นคนที่วันเกิดอยู่ตรงกลาง ก็เลยรูปร่างหน้าตามักจะกลางๆ ไม่สวยไม่ขี้เหร่ แต่จะไม่โดดเด่นเกินไป เธอ มักจะชอบแอ๊บเด็ก คิดว่าตัวเองยังเด็กเสมอ ชอบเล่นชอบใช้ของจุ๊กจิ๊ก ติ่งๆปนปัญญาอ่อนบ้างในบางครั้ง ชอบทำตัวร่าเริง สนุกสนานแบบเด็กๆ โนเนะ อะไรทำนองนี้ สาววันพฤหัส.... พี่สาว(คนสวย)ของทุกคน ถ้าเปรียบคนวันพุธเป็นเด็กหญิง คนวันพฤหัสก็ทำนองผู้หญิงสาวเต็มตัว มักแสดงท่าทีเป็นผู้ใหญ่ สุขุม จิตใจใฝ่ธรรมเสมอ ค่อนข้างใจเย็น พูดจาดี เป็นที่พึ่งคนอื่นได้..ในบางครั้ง แต่บางทีเธอก็แอบมีไฟไว้ในใจอยู่เหมือนกัน บางครั้งก็เข้าข่าย มือถือสากปากถือศีล สาววันศุกร์.... (กระแดะ)ไม่เกรงใจใคร ครบ สูตร รูป รส กลิ่น เสียง รวมแล้วอยู่ในตัวของเธอ หัวใจเธอไม่เคยร้างรัก ซุกซนเสมอ แต่จะมากจะน้อย แค่คิดหรือทำจริงๆ อันนี้ขึ้นอยู่กับส่วนบุคคล เป็น สาวสังคม ชอบความบันเทิงเริงใจมาก และหากคนวันศุกร์เป็นดารานักร้อง ก็จะรุ่งอย่างมากเชียว พูดจาฉอเลาะเก่ง มีความเป็นหญิงในตัวสูงแต่ต่างกับวันจันทร์นิดนึงที่ วันศุกร์จะกล้าแสดงออกมากกว่า อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1922587#ixzz139k5hTQa