RAIN...RAIN.....RAIN.....RAIN.....So sexy..So hot ..So cute...ect.........

nana555
[ 27-09-2016 - 01:10:23 ]







nana555
[ 27-09-2016 - 01:10:50 ]







nana555
[ 27-09-2016 - 01:11:04 ]







nana555
[ 27-09-2016 - 01:11:19 ]







nana555
[ 27-09-2016 - 01:11:28 ]







nana555
[ 27-09-2016 - 01:11:38 ]







nana555
[ 27-09-2016 - 01:12:24 ]







รูปนี้ หลังจากถ่ายนินจาเสร็จ ก็บินกลับ ญี่ปุ่นก่อนเลย

จักแฟนมีตติ้งที่ญี่ปุ่น ก่อนเกาหลี แฟนไปรับเพียบ ร้องไห้กันระงม

หลังจากไม่ได้เจอกัน หกเดือนแน่ะ...



2008-06-30 แฟนๆ ชาวญี่ปุ่นไปรอรับเรนที่สนามบิน ประมาณ 1500 คน!!!

เรนเดินทางถึงที่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่นวันนี้ มีแฟนๆ ชาวญี่ปุ่นมารอรับประมาณ 1500 คน
เรนจะร่วมงานแฟนมีตติ้งตั้งเวลา 19.00น. ที่ JBC ฮอล์ล กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 30 มิ.ย.

J.Tune ได้ให้สัมภาษณ์กับทางสำนักข่าว Yonhap ทางโทรศัพท์ว่า เรนรู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นแฟนๆ 1500 คนมารอรับอยู่ที่สนามบิน เขาจะอยู่ที่ญี่ปุ่นประมาณ 1-2 วันก่อนที่จะบินกลับเกาหลี

และเรนจะมีงานแฟนมีตติ้งที่จะจัดขึ้นที่ประเทศเกาหลีในวันที่ 27 ก.ค. อีกด้วย

Source: Yonhap News (mimi@yna.co.kr)
Chi to Eng: Rain-America
Eng to Thai: janejz@Bi's Kingdom & JJHTH
Thankyou for new from Bi's kingdom popcornfor2.com

nana555
[ 27-09-2016 - 01:12:58 ]







'เรน'บุกโตเกียว อ้อนแฟนคลับกว่า2พัน เปิดใจเผยหนักใจบนเส้นทางฮอลลีวู้ด!! [03-07-2008]




โดยเซาะเปีย


ความเคลื่อนไหว พ่อหนุ่ม เท้ามหัศจรรย์ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา เรน ได้เดินทางไปเยี่ยมแฟนๆ ของเค้าที่ประเทศญี่ปุ่น โดยมีเหล่าสาวกมารอต้อนรับกว่า 2 พันคน ที่สนามบิน นาริตะ พร้อมกับผมทรงใหม่ ที่บอกไม่ถูกจริงๆ ว่า มันเข้าท่าหรือเปล่า
ก่อนหน้านี้ เขาตระเวนไปโปรโมทหนัง Ninja Assassin ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอมรมันนี แล้วกลับมาพักผ่อนที่เกาหลีเมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา และถึงจะบินไปญี่ปุ่น โดยจะอยู่ที่นั่นประมาณ 2 วันแล้วก็จะกลับมาดินแดนบ้านเกิดอีกครั้งเพื่อจัดงานมีทติ้งแฟนคลับเกาหลีในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้

โดยงานมีทติ้งแฟนคลับญี่ปุ่นครั้งนี้ จัดขึ้นที่กรุงโตเกียว ณ เจซีบี เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการโปรโมท ภาพยนตร์เรื่อง Ninja Assassin ต่อไปนี้เป็นบทสัมภาษณ์ในงานมีทติ้งที่ ญี่ปุ่น ....

ถาม - รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้มาพบแฟนๆ ชาวญี่ปุ่น?
เรน - ผมรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่นานมากแล้วที่ไม่ได้ใกล้ชิดแฟนๆ ขนาดนี้ ผมอยากจะให้มีการรวมตัวกันอย่างนี้บ่อยครั้ง แต่วันนี้ผมเป็นของพวกคุณทุกคนแล้ว พวกคุณสามารถร้องเพลง เต้นกับผมได้แล้ว (หัวเราะ)

ถาม - คุณคิดยังไงที่เขียนจดหมายหาแฟนๆ บนเครื่งอบิน
เรน - บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม ผมถึงไม่สามารถหันหลังยอมแพ้ให้กับการมุ่งสู่ฮอลลีวู้ด ยอมแพ้กับการร้องเพลง การเต้น พ่ายแพ้ให้กับรายได้ที่ไม่น่าประทับใจนัก และมุ่งไปยังโลกอื่น เพื่อเริ่มต้นทางเดินใหม่ แต่ต่อมาผมก็ได้ความคิดบางอย่าง นั่นเป็นเพราะแฟนๆ ของผมพวกเค้าเป็นเหตุผลที่ทำไมผมมายืนอยู่ได้ในจุดนี้ วันนี้ ผมมีแฟนๆ คอยสนับสนุน และนั่นคือแรงผลักดันให้ผมเดินหน้าต่อไป ผมรู้สึกสำนึกในบุญคุณแฟนๆ และสต๊าฟทุกๆ คนที่ J.Tune นั่นเป็นเหตุผมที่ทำไม ผมถึงได้เขียนจดหมายหาแฟนๆ บนเครื่องบินถาม - ถ้าคุณมีช่วงเวลาหยุด 1 เดือน คุณอยากจะทำอะไรมากที่สุด?
เรน - ผมอยากจะจัดคอนเสิร์ต คอนเสิร์ตที่เป็นของผมกับแฟนๆ เป็นชนิดที่เรียกว่าเราได้ใกล้ชิดกันอย่างเต็มที่ ฟรี และก็ผ่อนคลาย

ถาม - คุณอยากจะให้ใครๆ เรียกคุณว่าอะไรกันแน่ ระหว่าง บี เรน หรือว่า จีฮุน?
เรน - เรน! (แล้วแฟนๆ ก็ร้องเรียก เรน จนเจ้าตัวยิ้มกว้าง)

ถาม - ถ้าคุณไปร้องคาราโอเกะ คุณอยากจะร้องเพลงไหนมากที่สุด?
เรน - ผมอยากจะไปคาราโอเกะจริงๆ นะ แต่ถ้าไปได้ ก็อยากจะร้องเพลงโปรดคือเพลง I believe I can fly (แล้วเขาก็เริ่มร้องเพลงสดๆ ด้วยเสียงอันชวนหลงไหล) ถาม - ตอนนี้คุณห่างจากเกาหลีมาก แต่คุณก็กำลังจะกลับในเร็วๆ นี้ อะไรที่คุณอยากจะทานมากที่สุด?
เรน - กิมจิ จากนั้นก็ ซูชิ แล้วก็ ราเมน ผมเป็นคนกินจุจริงๆ ผมชอบทานอาหารหลายประเภท ใครๆ ก็รู้ว่าผมชอบกิน ใครอย่าได้ลองคิดแย่งผมกินเลยล่ะ บอกได้เลย ผมไม่อยากจะทำร้ายเขา (หัวเราะ) ดังนั้น ใครก็ตามที่อยู่ใกล้ๆ ผม ไม่เคยแย่งอาหารไปจากผมได้เลย

ถาม - คุณคิดว่าส่วนไหนของร่างกายคุณที่น่ารักที่สุด?
เรน - (เสียงตะโกนว่า ตา ดังสนั่น) บางคนก็บอกว่าหัวไหล่ บางคนก็บอกว่าริมฝีปาก แต่ผมเดาว่าตรงนั้นแหละ ต้องขอบคุณแฟนๆ ที่ช่วยผมตอบคำถาม
ถาม - ถ้าคุณมีแฟน คุณจะทำอะไรให้เธอทาน?
เรน - Fried lunar new year cake (ไม่สามารถแปลได้ '-_-) อันนี้เป็นไปตามอารมณ์ของผมนะครับ เมื่อผมรู้สึกว่าคลั่งๆ รสชาดมันก็จะออแบบเผ็ดๆ และก็เค็มๆ หน่อย แต่ถ้าเวลาที่ผมรู้สึกมีความสุข รสชาดมันก็จะเพอร์เฟ็ค! ดังนั้น ถ้าคุณอยากจะกินอาหารที่ผมทำ คุณต้องมาหาผมตอนที่ผมอารมณ์ดี (หัวเราะ) หรืออาจจะเค็มไปเลยก็ได้

ถาม - กิจกรรมอะไรที่คุณจะทำเวลาที่กำลังบันทึกเสียง?
เรน - ผมมักจะชอบใช้ภาษาร่างกาย และภาษามือเพื่อแสดงออกถึงความรู้สึก ผมมักจะจับมือบ้าง จับตัวไปมาบ้าง แต่คุณก็ไม่สามารถได้เห็นตอนที่ผมบันทึกเสียงอยู่แล้ว

แฟนๆ - แต่พวกเราอยากเห็น (ตะโกน)

เรน - ก็ได้ๆ เดี๋ยวพวกคุณจะได้เห็นนะ
(จากนั้นเรนก็ลุกขึ้นแสดงให้ดูว่าเขาทำอะไรบ้างระหว่างที่อัดเสียงพร้อมกับร้องเพลง 'I do' โดยมือไม้ของเจ้าตัวไม่หยุดนิ่งเลย ก่อนที่จะหัวเราะขำตัวเองไม่หยุด)

เรน - เมื่อผมอยู่บนเวที ผมไม่รู้สึกกังวลเลย ผมมีความมั่นใจเพราะมีการเตรียมตัวมาดีแบบ 100% มั่นใจในตัวเองสุดๆ แต่เมื่อเวลาที่ผมลงจากเวที ผมกลับเป็นคนขี้อาย และไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไรหรือพูดอะไร นี่คงเป็นปัญหาอย่างหนึ่ง
ถาม - คุณชอบดื่มไหม? แล้วเวลาดื่มคุณดื่มยังไง? เครื่องดื่มประเภทไหนที่คุณชอบ?
เรน - ผมชอบดื่มสาเกเกาหลี ผมดื่มเต็มที่เลย ผมเคยเล่าไปแล้วว่าครั้งหนึ่งผมเคยเมากับ แดนนี่ แห่งวง G.O.D. เราเคยดื่มแข่งกัน แล้วผมก็ไม่อยากจะแพ้เค้า ผมเลยกระดกๆ ไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง 36 แก้ว ผมก็ต้องแพ้ นั่นแหละผมจำได้ ผมเดาว่าก็คงจะเหมือนๆ กันเวลาที่ผมดื่มเหล้า (หัวเราะ)

ถาม - ที่ที่คุณอยากจะพาแฟนไปเที่ยว?
เรน - ไปบ่อน้ำพุร้อน (หัวเราะ) เราจะได้แช่น้ำด้วยกัน! (แฟนๆ กรี๊ดลั่น จนพิธีกรต้องรีบบอกว่า แต่ว่ามันแช่น้ำร่วมกันไม่ได้นะครับ)
เรน - ไม่เป็นปัญหา เราแช่ด้วยกันไถาม - ตอนนี้คุณค่อนข้างจะยุ่งมาก คุณใช้เวลานอนกี่ชั่วโมงกัน?
เรน - ผมนอนไม่มากนัก อย่างเมื่อวานผมนอนเพียงแค่ 3 ชั่วโมง เวลาที่ผมเสร็จจากหมายต่างๆ ผมก็จะบินกลับมาที่เกาหลี พักผ่อนเล็กน้อย จากนั้นก็บึ่งมาที่นี่อีกทันที

ถาม - แต่ทำไมผิวพรรณคุณดูดีจัง?
เรน - (หัวเราะ) ขอบคุณการเมคอัพมากครับ

พิธีกร - ผมเองก็แต่งหน้านะ แต่ทำไมมันไม่เวิร์กเลยล่ะ
เรน - อาจเป็นเพราะว่าผมยังหนุ่มก็ได้ (หัวเราะ)
ถาม - ช่วงเร็วๆ นี้ มีอะไรบ้างที่ทำให้คุณรู้สึกมีความสุข?
เรน - จากช่วงเวลาในการถ่ายทำ Ninja Assassin เสร็จสิ้นไป ผมก็กลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง จากนักแสดง จุง จีฮุน ก็กลับมาเป็นช่วงเวลาที่สบายที่สุดนั่นก็คือนักร้อง เรน กลับมาคุณทุกๆ คน และแฟนๆ ของผม ก็จะทำให้ผมรู้สึกมีความสุขมากๆ

หลังเสร็จสิ้นคำถาม ทีมงานก็นำเค้กที่เต็มไปด้วยเทียนจำนวนมาก มาให้เรนเป่า พร้อมกับแฟนๆ ร่วมกันร้องเพลงแฮป+++เบิร์ธเดย์ให้กับเขาเป็นภาษาเกาหลี แต่ดูเหมือนว่าเทียนจะไม่ค่อยเป็นใจนัก เป่าเท่าไหร่ก็ไม่ยอมดับ เรียกเสียงหัวเราะในฮอลล์ได้อย่างน่ารัก

จากนั้นเรนก็ได้มอบของที่ระลึกให้กับแฟนๆ โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าจากเว็บไซต์ส่วนตัว อาทิ แว่นตากันแดด และผ้าพันคอ ซึ่งเค้าเคยสวมตอนเล่นละคร แล้วก็ยังมีผ้ากันเปื้อนสีฟ้าที่เขาเคยใส่จากดีวีดี '24 ชม.' รวมทั้งมีการแจกดีวีดีชุดนั้นพร้อมลายเซ็น พร้อมกับการถ่ายรูปอย่างใกล้ชิดกับแฟนๆ ของเค้า

ตบท้ายด้วยการร้องเพลง How to avoid the sun แต่จู่ๆ เขาก็หายตัวไป ทำให้ทั้งฮอลล์งงอึ้งกันไป แต่ก็กลับมาเซอร์ไพรส์ปรากฏตัวให้แฟนๆ ได้เห็นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงดนตรีบรรเลง ลูกโป่งสีเงินโปรยลงมา เรนเริ่มต้นร้องเพลง Instead of saying goodbye จากนั้นก็โยนผ้าขนหนูให้แฟนๆ เป็นการจบงานโดยสมบูรณ์
นอกจากนี้ มีข่าวล่า ว่า พ่อหนุ่ม เท้ามหัศจรรย์ เตรียมที่จะลงทุนในธุรกิจของเล่น โดย J Tunes Entertainment ประกาศที่จะร่วมลงทุนกับ Game High Corporation โดยมีข่าวว่าจะทำของเล่นในเกมส์คอมพิวเตอร์ แต่รูปแบบจะเป็นอย่างไรนั้นยังไม่ชัดเจนในเรื่องนี้

...จะรวยไปถึงไหนจ๊ะพ่อคุณ

ข้อมูลจาก

http://www.matichon.co.th
Thank you for new from popcornfor2.com

nana555
[ 27-09-2016 - 01:13:34 ]







หลังจากห่างหายไปนานเกือบปี สำหรับการถ่ายนินจา

กลับมาปุ๊ป เธอก็ขนเพื่อน เดอะแก๊ง หนีไปเที่ยวปุ่นด้วยกันแบบเนี๊ยะ

ในแฟนมิตติ้ง มีพีเล่นคนเดียว แต่ว่า ขนแดนซ์ชุดใหญ่ไปด้วย 555

หนีแฟน ๆ ไปเที่ยวกัน แต่ว่า เธอก็ ถ่ายรูปมาให้ดูแบบเนี๊ยะ..

nana555
[ 27-09-2016 - 01:13:44 ]







nana555
[ 27-09-2016 - 01:13:54 ]







From: Daum

ร้องเท้าแต่ะ หลุย แฟนปุ่นให้เป็นของขวัญวันเกิด สด ๆ ร้อน ๆ วันรุ่งขี้นก็
ใส่ไปเที่ยวกับเพื่อนเลย คนให้เป็นปลื้มมม
nana555
[ 27-09-2016 - 01:14:03 ]







nana555
[ 27-09-2016 - 01:14:13 ]







nana555
[ 27-09-2016 - 01:14:32 ]







กับเบกก้า ลุงหนวด..เพื่อนที่รู้ใจ สมัยเป็นแดนเซอร์
nana555
[ 27-09-2016 - 01:16:16 ]







Consolatory Train fan accounts from Twitter, 11.20.2012
English Summary by: huhuhuhu @The Cloud Media Board
We know how we all fall in the hands of RAIN. Let’s see how the soldiers and even the commanders themselves are doing. Below is the translation of fan accounts from twitter on tonight’s Consolatory Train performance.
RAIN sang his first song and addressed the audience. The soldiers chanted for a “combat holiday” . RAIN told them: “I am not the one to give holidays, it’s the commander who does so.” Then he turned to the commander, “Will you grant the holiday? It’s quite OK not to grant this, but all commanders in previous cases have granted the holiday, and you will be the first commander who does not if you say no.”
The camera flashed to the commander, who gave his OK. The soldiers almost roared the floor down. Then RAIN told them. “I am going to perform my next song. Please rise and if you don’t, it is possible that the holiday might be cancelled!”
So with one accord everyone left their seats as the music of Hip Song began and all had a great time. RAIN was very, very lovely!

nana555
[ 27-09-2016 - 01:16:42 ]







หนูต่ายยยเจอแล้ววววววว...หามานาน..เด็กยักษ์..555

Group: Members
Posts: 26,197
Joined: 22-January 06
Member No.: 16,085



08 Jul 31 Jung Ji-hoon, From The Eyes of Yu Nan
จอง จี-ฮุน ในมุมมองของ ยู นาน

*Jung Ji-hoon, From The Eyes of Yu Nan: Rain, Just Like A Kid*
จอง จี ฮุน ในมุมมองของ ยู นาน, เรน เหมือนเด็ก

Before filming <SR>, it was while I was at the Berlin Film Festival in February of that year when I started appreciating the charm of Rain. This big kid who just filmed his very first movie seemed to gain more public attention than the famous Korean director Park Chan-wook; he even became a part of the circle of the best actors around. Rain came to Berlin to promote for a few days and left shortly after because of his preparation for the Shanghai concert. After he left on the 2nd day I bumped into Song Hye-kyo; while we chit-chatted we even talked about him.
ก่อนหน้าที่จะมีการถ่ายทำหนังเรื่อง สปีด เรซเซอร์ ตัวชั้นได้ไปร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์ที่เบอลิน ตอนเดือนกุมภาฯ ก็เป็นตอนที่ชั้นเริ่มหลงเสน่ในตัวเค้าแล้วหละ พ่อเด็กตัวยักษ์คนที่เพิ่งผ่านการถ่ายทำหนังเรื่องแรกในชีวิต ดูจะได้รับความสนใจมากกว่าผู้กำกับคนดังอย่าง ปั๊ก ชาน วุ๊ก ซะอิกนะ ยิ่งกว่านั้นเค้ายังดูเหมือนเหล่านักแสดงชายยอดเยี่ยมอิกด้วย เรนกลับไปในวันที่ 2ของงาน เพราะเค้าต้องเดินทางไปเซี่ยงไฮ้เพื่อจัดเตรียมคอนเสิร์ต ชั้นยังได้เจอซอง เฮ เคียวด้วยนะเราชนกันในงานน่ะ แล้วก็ยังได้คุยกันเกี่ยวกับเรนด้วยหละ


Half a year later when we met at the movie studio in Berlin, the reserved Asian side of me caused an awkward moment between me and Rain, not knowing how to greet one another, just a simple "Hi".
ครึ่งปีต่อมา ชั้นได้เจอเรนอีกครั้งที่สตูดิโอในเบอลิน ตรงส่วนที่เปนที่พักของนักแสดงชาวเอเชีย ซึ่งมันช่างทำให้บรรยากาศระหว่างชั้นกะเรนเนี่ยดูอึดอัดชอบกล เพราะไม่รุ็ว่าจะพูดอะไรกันน่ะ เราเลยแค่ทักกันไปว่า "หวัดดี"


It wasn't until break time after the shooting of the 1st match scene when I 'launched an attack upon my own initiative'. "Hi, I'm Yu Nan." I never thought that the single-eyelid, boyish-faced person before me would reply so sincerely, "Hi, I'm Rain, I recognize you! Mr. Park (Park Chan-wook) always told me how amazing <Tuya's Wedding> is, where can I see that movie?"
มันดำเนินไปอย่างนั้น จนกระทั่งช่วงพักหลังจากที่เราได้เข้าฉากด้วยกันเป็นครั้งแรก ชั้นเลยเปิดบทการสนทนาก่อน "หวัดดี ชั้นชื่อ ยู นานนะ" แล้วชั้นก็ไม่ได้คาดว่า อิตาคนที่มีตาชั้นเดียว แถมยังหน้าเด็กคนนี้น่ะจะตอบชั้นกลับมาอย่างใสซื่อว่า "หวัดดี ผมเรนครับ ผมจำคุณได้ด้วยหละ ผู้กำกับปั๊กน่ะ บอกกะผมตลอดเลยนะว่าหนังเรื่อง <Tuya's Wedding> (ยู นานคงแสดงเรื่องนี้หละ) เนี่ยสุดยอดมากๆ เอ่อผมพอจะไปหาดูได้ที่ไหนครับ"

Rain's speaking voice is very cute, very lively, unlike when he sings and it sounds so manly. Before going to Berlin I got one of my friends to download some songs onto my i-Pod. Don't know whether my friend did it intentionally or not, but there were a few songs that were of Rain. So when I was getting my make-up done I hooked my music up to a portable player and played the music aloud. As the play list went on, pretty soon it came to a track with a prelude of "I'm Back, It's Rain...". At this point Rain, who was sitting nearby me getting his make-up done, suddenly turned around and shyly pointed to the portable player and said to me, "That voice is me." And there I was, originally being playful but then started feeling slightly uneasy, I started laughing hard.
เสียงพูดของเรนน่ะ น่ารักมากเลย ดูมีชีวิตชีวาเลยนะ ไม่เหมือนกับตอนที่เค้าร้องเพลงหรอก เสียงที่ร้องเพลงน่ะมานเป็นเสียงทุ้มๆหล่อๆแบบผู้ชาย อ้อก่อนที่ชั้นจะเดินทางไปเบอลินชั้นขอให้เพื่อนคนนึงของชั้นช่วยโหลดเพลงใส่ iPod ให้ชั้นหน่อย ชั้นก็ไม่รุหรอกว่าเพื่อนชั้นจะเอาเพลงสากลมาใส่ไว้บ้างรึป่าว แต่ว่าก็มีอยู่ 2-3 เพลงที่เปนของเรน พอตอนที่ชั้นแต่งหน้าเสร็จแล้วน่ะชั้นก็เลยงัดเอา iPod ของชั้นมาเปิดกับเครื่องเล่นซะเสียงดังเลย เครื่องเล่นก็เล่นไปตามรายชื่อเพลงอะนะ จนมาถึงเพลงนึงที่มีเสียงขึ้นต้นว่า ..."I'm back, It's Rain..." พอมาถึงตรงนี้ เรนที่นั่งแต่งหน้าอยู่ข้างๆชั้นและกำลังจะเสร็จพอดี หันมาทางเครื่องเล่นขวับเลยแล้วก็ชี้ไปที่เครื่องเล่นน่ะแล้วบอกว่า "นั่นเสียงผมนี่" ซึ่งตอนแรกเลยเนี่ยแค่อยากจะล้อเล่น แต่มันก็เริ่มจะไงไม่รุแล้วหละ ชั้นก็เลยหัวเราะออกมาซะยกใหญ่เลย(แบบประมาณให้บรรยากาศมันดีขึ้นน่ะ)



*He Acts Like Leslie Cheung* การแสดงของเค้าเหมือน เลสลี่ จาง

When I look at Rain act I can then understand what is called 'self-confidence'. His experience in movies are not bountiful but he is rich in on-stage performances, so even when his acting would not turn out too smoothly, he still did it very well. Based on our impressions big stars who are singers can also act rather well, just like how Leslie Cheung and Anita Mui were, isn't that so? (Deb's note: they were big stars in HK particularly in the 80s and 90s)
เมื่อชั้นมองการแสดงของเรนแล้วเนี่ย ชั้นเข้าใจถึงคำว่า "เชื่อมั่นในตัวเอง"เลยนะ เค้าเองเนี่ยไม่ได้มีประสบการณ์ในการแสดงมากนัก แต่ว่าเค้ามีประสบการณ์บนเวทีอย่างล้นเหลือ นั่นแหละที่ทำให้ถึงแม้ว่าการแสดงของเค้าจะไม่ราบรื่นนัก แต่เค้าก็สามารถทำให้มันเป็นไปด้วยดีได้ ก็ถ้าว่ากันไปตามหลักแล้ว ศิลปินที่เราๆชื่นชอบที่เป็นทั้งนักร้องและนักแสดงอย่าง เลสลี่ จาง กับ Anita Mui (คนนี้ไม่รู้จัก ขอใส่ชื่่อเลยนะ)ก็มีผลงานที่ยอดเยี่ยมนี่นา จริงมะ? (note: ทั้ง 2 เป็นดาราดังในยุค 80's - 90s')


When rehearsing with Rain, it doesn't matter who's leading who, it just feels like family, no sense of distance. Sometimes before we begin shooting, the lines instructor whom Rain and I 'share' would say to me, "I noticed just now that Rain's a little nervous." As soon as he stands in front of the green screen, his performance is absolutely 1st-class, he uses self-confidence to conceal any anxiety. But this does not hinder his earnestness. In between shooting you will see him sitting in the corner by himself, repeating and memorizing his English lines word-for-word.
ตอนที่ได้ซ้อมการแสดงกะเรนเนี่ย เราไม่รู้สึกเลยนะว่าใครจะรับบทนำรึบทตาม แต่เราจะรู้สึกถึงความเป็นพี่น้องมากกว่า ไม่มีช่องว่างเลยหละ บางครั้งก่อนที่เราจะเริ่มถ่ายทำกัน จะมีคนบอกบทซึ่งเป็นผู้ช่วยของชั้นกับเรนในเรื่องนี้เข้ามาคุยกับชั้นว่า "ชั้นเพิ่งสังเกตุนะว่า เรนเนี่ยก็มีอาการประหม่านิดๆ" แล้วจากนั้นพอเค้าต้องไปแสดงกับฉากสีเขียว เค้ากลับทำมันออกมาได้ดีมากเลยนะ นี่แหละที่เค้าเอาความมั่นใจในตัวเองมาลบความประหม่าออกไปน่ะ แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้เค้าลดความพยายามตั้งใจลงไปหรอก เพราะว่าระหว่างถ่ายทำกันเนี่ยคุณจะเห็นว่าเรนจะแอบไปนั่งตรงมุมห้อง แล้วก็นั่งท่องบทภาษาอังกฤษของเค้าอยู่

For both of us this was our first Hollywood movie, even with so many big-name stars on location like Susan Sarandon, John Goodman and Christina Ricci, there were no assistants. Everyone served themselves during meals, even shooting scenes on the streets required no bodyguards. Sometimes in the afternoons everyone would sit by the river eating pizza. It was just me and Rain who each had a single-staff entourage to handle contractual businesses.
มันเป็นหนังฮอลลีวูดเรื่องแรกของเราทั้งคู่นะคะ แล้วก็มีดาราดังๆทั้งนั้นเลยอย่างเช่น ซูซาน ซาแรนดอน, จอร์น กุ๊ดแมน, คริสติน่า ริชชี่ แล้วแม้ว่าพวกเค้าจะดังขนาดไหนนะแต่เค้าก็ไม่มีผู้ช่วยกันเลยนะ ทุกคนต้องดูแลตัวเองหาอาหารทานกันเอง และแม้ตอนที่เราออกไปถ่ายทำกันนอกสถานที่ก็ไม่ต้องมีบอดีการ์ด บางครั้งนะยามบ่ายๆทุกคนเนี่ยก็จะมีนั่งทานพิซซ่ากันที่ริมแม่น้ำ นะก็เลยมีแต่ชั้นกับเรนนี่แหละที่ต้องมีผู้ช่วยตามประกบ ซึ่งก็เป็นเพราะว่าเค้าต้องมาช่วยเราดูเรื่องรายละเอียดสัญญาน่ะ


*He Is A Superstar As Well As A Kid* เค้าเป็นทั้งซุเปอร์สตาร์แล้วก็เด็กในเวลาเดียวกัน

Rain is really a big kid! He always said how much he thought of Asia, how much he wanted to eat Korean food. I told him that there was a Korean family-style restaurant in Berlin that wasn't too bad. A few days later in the hotel lobby he said to me, "I went to eat at that place you recommended, the kimchi there is not made in its original way, today I found an even better place!"
เรนน่ะก็เป็นเด็กที่ตัวโตๆคนนึงนี่แหละ เค้าจะบ่นคิดถึงบ้านเสมอๆเลยค่ะ แล้วก็ยังบ่นอยากทานอาหารเกาหลีอีกด้วย ชั้นก็เลยบอกเค้าไปว่าเนี่ยมีร้านอาหารเกาหลีสไตล์โฮมเมดในเบอลินอยู่ที่นึงนะ รสชาติไม่เลวเลยหละ จากนั้น 2-3 วันตรงลอบบี้โรงแรม เค้าเดินเข้ามาบอกชั้นว่า "ผมไปทานร้านที่คุณแนะนำมาแล้วหละ แต่ว่าวิธีการทำกิมจิของเค้าน่ะ ไม่ใช่แบบดั้งเดิมนะ วันนี้ผมไปเจออีกร้านนึงมาหละ อร่อยกว่าร้านนั้นอีก"


One time I asked him, "Do you know how to speak Chinese?" What I eventually heard was "Hi everyone, I'm Rain, hope everyone likes me!" (Deb's note: he's speaking in Mandarin at this point) I laughed as these were things that he had to learn for the concert. Suddenly he just looked at me intently, "Do people actually like me in China?" I quickly answered him, "You are HUGE in China!" He smiled with great satisfaction, just like a kid.
มีอยู่ครั้งนึง ชั้นถามเค้าว่า "คุณพูดภาษาจีนได้มั่งมะ?" แล้วสิ่งที่ชั้นได้ยินก็คือ "สวัสดีครับ ผมเรนนะ หวังว่าทุกคนจะชอบผมกันนะครับ" (เรนพูดด้วยภาษาจีนกลาง) ชั้นขำเลยนะ เพราะว่าเนี่ยเป็นประโยคที่เค้าเรียนเพื่อใช้พูดในคอนเสิร์ต แล้วอยู่ๆเค้าก็มองชั้นแบบมีเลศนัย "คนจีนชอบผมกันรึป่าว?" ชั้นตอบเค้าไปแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย "คุณง่ะอภิมหาดังในจีนเลยหละ" แล้วเค้าก็ยิ้มละไมแบบสุขใจเลยค่ะ เหมือนเด็กจริงๆ


I have an 'intimate' understanding of just how huge Rain is. Before going to Berlin, the girls from my company urged me not to forget to ask for his autograph. I had an unconventional idea of bringing along 3 camisoles with me. When I first got to the crew I was anxious, not knowing what Rain would've thought if he saw me with these things. On the 3rd day, I braced myself and knocked on his trailer door, "I've a few 'sisters' who would like your autograph..." "Sure, anything, just give them to me!" I handed over those camisoles, he had a surprised expression on his face, "What do I do with this..."
ชั้นเข้าใจได้จากคนรอบๆตัวนี่แหละว่า เรนน่ะ มีชื่อเสียงอย่างมาก ก่อนหน้าที่ชั้นจะเดินทางไปเบอลิน เด็กๆในบริษัทเตือนชั้นว่าอย่าลืมขอลายเซ็นเรนนะแล้วชั้นก็เกิดความคิดแผลงๆขึ้นมา.. ชั้นเอาบราเซียร์ไปด้วย 3ตัว ตอนแรกที่ได้เจอเพื่อนร่วมงานชั้นก็หวั่นๆนะ ไม่รู้ว่าเรนจะคิดยังไงถ้าเห็นชั้นกับไอ้เจ้า 3 ตัวนี้ จนวันที่3 แล้วนั่นแหละชั้นเรียกใจตัวเองแล้วก็ไปเคาะประตูตู้ที่พักของเรน "เอ่อ มีน้องๆเค้าอยากได้ลายเซ็นของคุณน่ะ ..." ........ "ได้ดิ แล้วไหนล่ะที่จะให้เซ็นน่ะ เอามาเลย" แล้วชั้นก็ส่งบราเซียร์ทั้งหมดนั่นให้เค้า โหหน้าเค้านะบอกว่าประหลาดใจยิ่ง "เอ่อ แล้วผมต้องทำไงล่ะเนี่ย"


The superstar that's on my mind doesn't let people around him feel that he's a star; warm, lovable, gifted...the Rain in my eyes is this kind of Superstar.
ซูเปอร์สตาร์ในความคิดของชั้นนะ ไม่ใช่ประเภทที่ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆตัวรู้สึกว่าเค้าเป็น ที่มีคือความอบอุ่น, ความน่ารัก,และพรสวรรค์ เรนในมุมมองของชั้น เค้าเป็นซูเปอร์สตาร์ในแบบนี้แหละ


****END****


Source: Shenjiang Service Review
Credit: Cloud China & Baidu Rainbar
Translation: dsl99a@Rain-USA & SexyBi
English to Thai by Puun@cloud-thai.com
nana555
[ 27-09-2016 - 01:17:24 ]







nana555
[ 27-09-2016 - 01:18:13 ]







ESQUIRE MAGAZINE
Source: as tagged
Credit: BaiDu Jtune_rain_cafe Bar //stephenine@The Cloud: Rain-Jihoon



nana555
[ 27-09-2016 - 01:18:28 ]







nana555
[ 27-09-2016 - 01:18:38 ]







ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้

เว็บนี้มีการใช้งาน cookie
ยอมรับ
ไม่ยอมรับ