Rain .FC Board # พลพรรครัก "เรน" ทางนี้เลยค่ะบอร์ดนี้จะเป็นที่ที่เราอัพทุกอย่างที่เป็น เรน

pui-ko
[ 05-05-2007 - 14:32:59 ]







ว๊าววว ไปสอยมาแล้วหลอเพ่ ปุ้ยคงมะได้สอยเดือนนี้ เพราะมะวานไปร้องโอเกะกะผองเพื่อนหมดไปหลาย เจ้าของร้านเป็นเกาหลีด้วย โพดทายก้อม้ายชะ(หรือว่าแม้ววะมันคล้ายกันจนแยกไม่ออก555+)เพ่ยุ้ยนี่ ทำให้เกิดกิเลศทำให้อยากสอย รักครั้งที่2มาดูอีกแระ ส่วนรักแรกของช้านคือน้องเหยินอ่ะ อ่อไม่สิ เค้าเรียกว่าปิ๊ง เรียกปิ๊งก็ไม่ได้ ต้องเรียกว่าการติฉินนินทาดีกว่ามั้ย ว่าไมมันขี้เหร่ได้ใจจัง ไอ่ตี๋คนนี้ 555+

**** ฮะ เหยิน มา แว้วว รักแรกของช้านนนนนน ***




pui-ko
[ 05-05-2007 - 14:35:25 ]







ว๋ายยย ยัยเจน ตี๋คับบ้านเรยยยยย ..........
Jane
[ 05-05-2007 - 14:41:46 ]







เอ้าศรีภันยา ไปไหนกันโหมะวันนี้ เข้าบ้านมาได้แระน้า อาพีรออยู่
วันนี้ที่ภูเก็ต แดดเปรี่ยงมากๆเลยล่ะค่ะ สวยจัง...ช๊อบบบบ
เห็นทียังงี้ต้องไปทะเลซะแระ กะว่าจะไปโพสท่ากระโดดแอ่นๆ เหมือนอาพีซะหน่อย
(55555555 แกพอเหอะยัยเจน ขืนทำงั้นมีหวัง .....หึ ไม่อยากคิดส์)

พี่ปรุ้ยโกระ -- ไม่งานสถาปนิกมาเย๋ออออ เป็นงัยมั่งคะ หนุกหนานดีม้ะ วันนี้ทำงานแน่เลย
มะกี๊เห็นออนเอ็มแว๊บๆ เดี๋ยวออกจากบ้านนี้จะเข้าไปเม้าน้ะ

พี่ยุ้ย --- เหอๆๆๆ วันนี้ไม่หยุดเหมือนกันใช่มั้ยคะเนี่ย มะกี๊เห็นแว๊บเข้าบ้านมาแปเดียวเอง
ไปกินข้าวกลับมาแล้วมาหาอาพีต่อนะคะ

พี่ออย --- วันนี้ยังเห็นเลย อย่าลืมเอากลอนงามๆเข้ามาให้อ่านกันเน้อออออ
อาพีบอก ลำบากวุ้ย บ้านนี้ภันยาตะละคน .....

พี่อ้อย -- เป็นงัยคะ เข้าบ้านมาอ่านข้อความก็อย่าลืมคิดถึงกันมั่งเน้อออออ จุ๊บๆ

พี่เอ้ --- เป็นผรือบ้างคะ สบายดีบ่อ เอาๆ เอาซักภาษา..- -" คริกๆ คิดถึงน้า
เข้าบ้านมั่งเน้อออ

พี่เปล -- รายนี้ทำงานหามรุ่งหามค่ำ หามดึก หามดื่น ...ทั้งหมดนั่น ก็เพื่อ.......
อาพีสุดที่รักเน้ออออออออ เอาฮึด..สู้ว้อยยยยย

น้องจิ๊ก -- รายนี้ไปขายของช่วยแม่เพลิน นี่จิ๊กกลับมา กทม.ยังเนี่ย มาได้ละนะ
อย่าติดใจตำแหน่งแม่ค้าเพลินจนลืมอาพีซะล่ะ.....

พี่สุ --ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเพรียกกกกก คิดถึงคร่า

ทุกๆคนคะ เข้าบ้านมาเม้ากันหน่อย วันนี้วันดีค่ะ คิดถึงทุกคนเรย ....
ตอนนี้ไปก่อนเดี๋ยวเข้ามาใหม่คร่ะ
Jane
[ 05-05-2007 - 14:45:10 ]







โต๊ดดดดดดดดด ก๊าบบบบบบบบบ พี่ปรุ้ย...คลิกขนาดผิดเน่ออออ
ก็เลยตี๋คับบ้านเรย
Jigsaw
[ 05-05-2007 - 14:53:12 ]







อั๋นยองงงงงงงงงคร่า~!! อะฮ่าวันนี้เข้าบ้านมาอย่างอารมณ์สดใส คิคิ

ก็นะอาพีน่ะ ช่วงนี้อาพีมาเยี่ยมเราบ่อยๆ รู้สึกว่าไม่ใช่แค่ชุ่มฉ่ำกาย แต่หัวใจแทบละลายเลยล่ะคร่า (ว่าไปนั่น) ว่าแล้วตอนนี้อาพีก็มาเยี่ยมจิ๊กถึงหน้าต่างเลยเจ้าค่ะ เหอๆ สงสัยอาพีจะคิดถึงเราจริงๆ (ช่างหลงตะเอง)^^

ในที่สุดก็กลับกรุงแระ หลังจากที่บินไปอยู่(บ้าน)นอกมานาน ด้วยความคิดถึงอาพีไม่ไหวเลยต้องรีบกลับมานี่ล่ะ 55+ ต่อไปคุงพี่ก็ไม่ต้องลำบากแล้วค่ะ เนื่องจากจิ๊กกลับมารับตำแหน่งตามเดิมแล้วค่ะ ไม่ต้องกุญแจบ้านแล้ว น้องคนนี้มาเฝ้าให้แล้วเน้อ เหอะ เหอะ

พี่เจน+++กลับมาแล้วคร่าพี่จ๊าว น้องมาแระจ้า ไม่ได้ติดใจอ่ะพี่ แต่มันเปงหน้าที่จีๆ (ถึงจิ๊กจะแว๊บบ่อยก็เหอะนะ)ว่าแต่พี่ยังคงเป็นเจ้าแม่พิมพ์ไม่เปลี่ยนนะคะ อ่าจิ๊กจะลืมอุปปาที่รักของจิ๊กไปได้งัยล่ะพี่ แหมมนับวันๆ ยิ่งหล่อลากด้วยพี่ ไม่ได้ๆ

พี่ออย+++จิ๊ก comeback แล้วจ้า เนื่องจากถ้าไม่กลับมามีหวังถูกไล่ออกแน่พี่ ยังไงที่นี่ก็เงินเดือนดี แถมได้อาพีทุ๊กทุกวันด้วย (แอบหวังผล)เอิ๊กๆๆ

พี่ยุ้ย++++ได้คร่า ยังไงก็เปงหน้าที่ของน้องคนนี้อยู่แล้ว จิ๊กจะดูแลกวาดถูให้ดี ทุก 30 วินาทีเลยดีไหม เอิ๊กๆๆ (มากไปแล้วแก)แต่ว่าถ้าวันไหนเนตไม่ดีขออภัวด้วยนะคะ เพราะว่าเนตที่บ้านจิ(๊กก็ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเค้าด้วยอ่ะพี่ เพี้ยนๆ บ่อย อย่างเมื่อวานเนี้ย เขาไม่ได้เยย เซงจิต

พี่ปุ้ย++++ดีก๊าบ ช่วงนี้อินเลิฟหรือคะ? แหมมมาเปงกลอน "คนมีรัก มักมีความฝัน อันจินตนาการ สร้างวิมานวังวน" คิคิ ว่าแล้วเราก็มา่เปงกลอนไปกะพี่เค้าด้วย เคอะ เคอะ (แซวเล่นๆ น่ะพี่ ว่าแล้วกลอนจิ๊กแป่งๆ ยังไงชอบกลเนอะ )

Edit Date : 2007-05-05 ( 14:54:27 )
Jane
[ 05-05-2007 - 22:13:04 ]







เออพี่ปรุ้ยโกระ ที่น้องจิ๊กพูดก็มีเหตุผลนะ ที่พี่เจ้าบทเจ้ากลอนขนาดนี้ ช่วงนี้
เอาอาพีตี๋น้อยมาอ้างอะป่าววววววว เหอๆๆๆ
"คนมีรัก มักมีความฝัน อันจินตนาการ สร้างวิมานวังวน" อะเหออๆ ช่างคิด
คิดถึงนะคระ ยินดีต้อน.....รับคร่ะน้องจิ๊กส์
yuri
[ 05-05-2007 - 23:53:46 ]







หุหุหุ อันยองรอบดึกมากกกก ทามไมฉานยังไม่นอนนี่ อ้อ วันนี้วันเสาร์ฉานจะนอนดึกมากกก คิคิ

พอดีว่า วันนี้ฝนมันซา ซา ฝนซาลงไป ยูริก็เลย ปลอดโปร่งงโล่งสบาย ไม่ต้องกลัวเน่า แล้วก็เลย นอนรำลึกถึงครั้งครั้งแรกหรือครั้งที่ 2 ของเด็กแปลกแถวนี้ไปพลางๆ

พอดูๆไป กลับรุสึกว่ามานขำมากๆ เพราะว่าอาพีทำตัวแบบนี้ได้ไง

เม้าก่าเจนบอว่า สงสัย จีฮุนของเราเก็บกด เลยรับบทบาทนี้เพื่อระบาย 5555 เลยเอารูป
คนรักคนแรกมาให้ดู คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิตู หวานนนยิ่งกว่า classic อีก
yuri
[ 05-05-2007 - 23:56:51 ]







ทามะอาพีนิสับเสียแบบนี้อ่า ช่างทามไปได้น่ะที่รักฉาน
ทำหน้างี่เง้าได้สาแก่ใจมักมัก เจ๊ฮา
yuri
[ 05-05-2007 - 23:59:39 ]







ตะว่า เสื้อผ้าของ พี่เค้า แบบว่า ใส่ในชีวิตจิงได้มั่งมะอ่ะ
yuri
[ 06-05-2007 - 00:03:52 ]







yuri
[ 06-05-2007 - 00:13:28 ]







"น" รายการที่อาจมีการใช้ถ้อยคำ หรือการกระทำที่รุนแรงผู้ปกครองควรแนะนำ

หืมมมมม น่ากินจิจิ อดจายมะหวายแย้ววว
yuri: เปงของเจ๊เหอะ 55555


หึหึ ตอนนี้ภิริยาน้อยหลับกันหมดแล้ว หล่อหนีฉานไม่รอดหรอกย่ะ
pui-ko
[ 06-05-2007 - 09:51:50 ]







ย้า!!!.......... ฮาจิมาชชชชช (แอ๊กเซนซ์แบบซะมี สำเนียงเกาหรีมาเชียว) อย่านะ...มาลวนลามไรแถวนี้เนี้ยยยย ไอ่หนูเสื้อแดงนี่ก็ยั่วดีเหลือเกิน อย่างนี้ต้องจับมาตีตูด โทดฐานแม่ให้ท้ายเต็มๆ ทำให้พวกอาจุม่านูน่าอดใจไม่อยู่

--นู่จิ๊ก+นู๋เจน แหมมมม รู้ใจจิง ก็ซามีจะมาหาแล้วนี่นา ใกล้เข้ามาแระ มองทุกอย่างเป็นสีชมพูหมดแว้วเนี้ยยยยย กึ๋ยยย



yuri
[ 06-05-2007 - 14:05:16 ]







วันนี้ ว่างๆ ก็เลยไปนั่งอ่านบทสัม อาพีมา น่ารักเหมือนเคย อ่านแล้วก็ อมยิ้มไปได้ทั้งวันหละ

04.28.2007 ChoSun Times ‘Could it be Rain?’ People don’t really notice me.

Translation:
Krn to Eng: jihoon♥tokki @ rain-usa.com
Eng to Thai : เพ่ใหม่ซก๑Onlyrain-pantip.com
source: http://news.media.daum.net/culture/art/200.../v16548138.html

'นั่นใช่เรนจริง ๆหรือ?' ไม่มีใครสังเกตเห็นผมเลย

หนุ่มเรน (อายุ 26) ผู้ที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติกต่อหน้าชั้น เค้าเพิ่งจะกลับจากญี่ปุ่นมาถึงเกาหลีเมื่อคืนนี้เอง ซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกคนนี้ต้องเดินทางไปมาอย่างไม่หยุดหย่อนโดยเครื่องบินที่มีรูปใบหน้าของเขาติดอยู่ที่ข้างลำตัวของเครื่อง

ช่วงนี้เค้าไม่มีงานที่ต้องไปโชว์ตัวที่ไหน บรรดาสตาฟของเค้าก็ต้องใช้เวลาถึงสองสามวันจัดประชุมเตรียมการสัมภาษณ์ในวันนี้เพื่อที่ชั้นจะได้เอามาเขียนเกี่ยวกับตารางงานอื่น ๆทั้งหมดของเขา มันเป็นวันที่มีแสงแดดสดใสราวกับว่าเป็นวันเริ่มต้นของฤดูร้อนที่กำลังมาถึง

คำถามแรกที่ชั้นเอ่ยถามหนุ่มน้อยตรงหน้าที่เพิ่งได้พบกันเป็นครั้งแรกก็คือ

คุณอยากทำอะไรในวันที่มีแสงแดดดีๆ อย่างเช่นวันนี้คะ?

"ผมชอบขี่สกู้ตเตอร์หรือไม่ก็มอเตอร์ไซค์นะครับ ผมอยากจะออกไปขี่รถเล่นกับเพื่อน ๆ ของผมในวันนี้ แต่ผมก็มีงานอื่นที่ต้องทำ ผมชอบที่จะออกไปขี่รถเล่นกับเพื่อน ๆ สามหรือสี่คนเสมอ ๆ ครับ"

ซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกควรที่จะออกไปขี่รถสกู๊ตเตอร์เล่นแบบนี้หรือคะ?

"เวลาที่ผมออกไปในที่สาธารณะ ผมจะสวมหมวกครับ เพื่อที่ว่าผมจะได้ไม่เป็นที่สะดุดตาของผู้คน แต่ก็มีเหมือนกันนะครับที่พวกเค้าสังเกตเห็นกันว่าเป็นผม ซึ่งผมก็จะแจกลายเซนต์ให้พวกเค้า แต่ส่วนใหญ่แล้วคนเค้ามักจะคิดกันว่า "ไม่น่าจะใช่เรนหรอกนะ" และก็จะเดินผ่านผมไปครับ

หนุ่มเรนคิดถึงแต่เรื่องเต้นรำและร้องเพลงตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มัธยมต้น

ตอนที่ชั้นมุ่งหน้าไปยังบรรดาบริษัทเจวายพีที่ตั้งอยู่ที่ Seoul Chung Dam Dong นั้น ชั้นเป็นกังวลมากเพราะชั้นไม่รู้เลยว่า New Breed คืออะไร และชั้นควรจะพูดยังไง ชั้นจินตนาการแม้กระทั่งว่าหนุ่มเรนน่าจะนั่งไขว่ห้างอย่างหยิ่งยะโสอยู่บนเก้าอี้ที่แสนสบาย ๆซักตัวนึง

แต่กลับกลายเป็นว่าหนุ่มเรนเค้ากำลังวุ่นวายกับการจัดเตรียมห้องแต่งตัวเล็ก ๆ ห้องนั้น เค้ากล่าวคำทักทายกับชั้นในท่าทางที่เก้งก้าง และความประทับใจแรกพบที่ชั้นมีต่อเค้าก็คือ เค้าเป็นเหมือนคนที่ชั้นรู้สึกคุ้นเคยและใบหน้าของเค้าก็มีอะไรบางอย่างที่เหมือนเด็ก ๆ

งั้นก็แปลว่าคุณชอบรถมอเตอร์ไซค์ แต่ไม่ชอบร้องเพลง และเต้นรำเท่าไหร่หรือคะ

"เพราะว่าผมร้องเพลงและเต้นรำอยู่แล้วในทุก ๆ วัน นั่นไม่ใช่เพราะว่าผมชอบมันมันอาจจะดูประหลาดที่ผมพูดออกมาแบบนี้ แต่เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่ง การร้องเพลงและเต้นรำได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผม ผมเริ่มฝึกซ้อมการเต้นรำและร้องเพลงตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ประมาณปีที่สองของมัธยมต้น ซึ่งก็เป็นเวลาประมาณ 12 ปีมาแล้ว ซึ่งผมพบว่าเวลาส่วนใหญ่ของผมหมดไปกับการร้องเพลง และก็เวลาที่ผมได้เห็นอะไรบางอย่างผมมักจะคิดว่าผมจะเปลี่ยนมันให้เป็นท่าเต้นได้ยังไง อย่างเช่นเวลาที่ผมเห็นชายแก่ที่ถือไม้เท้าเดินผ่านไป ผมก็จะคิดว่าผมจะใช้ไม้เท้านั้นในท่าเต้นได้มั้ย เวลาที่ผมก้าวขึ้นรถ ผมก็จะคิดว่าผมจะสามารถดัดแปลงการขึ้นรถนั้นมาเป็นท่าเต้นได้มั้ย ผมจะคิดเรื่องแบบนี้เสมอ ๆเลยล่ะครับ"

ความเป็นจริงที่ว่าเค้าคิดถึงการเปลี่ยนสิ่งที่เค้าพบเห็นในชีวิตประจำวันมาเป็นท่าเต้นนั้นทำให้ชั้นช็อคพอสมควรเพราะชั้นเองทำแค่พูดถึงสิ่งเหล่านั้นเท่านั้น

งั้นก็แสดงว่าท่าเต้นที่คุณโชว์ให้พวกเราเห็นกันบนเวทีนั้นคุณคิดค้นมันขึ้นมาเองทั้งหมดเลยหรือคะ?

"ส่วนใหญ่ผมจะคิดเองครับ แต่ผมก็จะถามจากผู้รู้ในด้านที่ผมต้องการความช่วยเหลือด้วย ผมมักจะคิดค้นท่าเต้นด้วยตัวเองเสมอ ๆ ครับ"

คุณเริ่มเต้นรำและร้องเพลงมาตั้งแต่คุณยังอายุน้อย ๆ และยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่คุณมีความรู้สึกแตกต่างไปจากตอนนี้ที่คุณทำมันเป็นอาชีพรึเปล่าคะ?

"ผมไม่เคยคิดว่าผมมีอะไรที่พิเศษไปจากคนอื่น ๆ ในโลกนี้เพียงเพราะว่าผมเป็นคนดัง ผมคิดว่าถ้ามันกลายเป็นความรับผิดชอบของผมในฐานะคนที่มีชื่อเสียงแล้วล่ะก็ การเต้นรำและการร้องเพลงอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อสำหรับผมก็ได้

ผมแค่เป็นคน ๆ หนึ่งที่โชคดีที่ได้ทำงานดี ๆ ในฐานะคนที่มีชื่อเสียง ผมร้องเพลงเพราะว่าผมชอบการร้องเพลง และผมเต้นรำก็เพราะผมชอบการเต้นรำ และส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมมีความสุขที่สุดก็คือผมสามารถหาเงินได้จากการทำสิ่ง
ที่ผมรัก อีกด้านหนึ่งก็คือ เพราะว่านี่เป็นงานของผม บางครั้งผมก็รู้สึกกังวลกับมันบ้าง ผมต้องพยายามอย่างหนักและก็ต้องพยายามนำเสนอสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ ออกมาให้กับแฟน ๆ เสมอ ถ้าผมหยุดพยายามเมื่อไหร่ คนก็อาจจะหันไปสนใจศิลปินหน้าใหม่คนอื่น ๆ แทนซึ่งนั่นจะทำให้ผมถูกผลักไปอยู่แถวหลังได้ และนี่เป็นสิ่งที่ยากมาก ๆ ในการที่จะทำเพลงใหม่ ๆ ออกมาภายใน 1 หรือ 2 ปี เพื่อ
ที่จะทำให้มันกลายเป็นเพลงยอดนิยมให้ได้"

แล้วมีอะไรบ้างคะที่คุณไม่ชอบ?

"ผมชอบการรับประทานนะครับ แต่อาหารที่ดีต่อสุขภาพเนี่ยะเป็นอาหารที่ผมไม่ชอบเช่นอาหารจำพวกเนื้อเต่า หรือเนื้อสุนัข...ตอนที่ผมยังเด็ก ผมอาศัยอยู่นอกเมือง และผมก็ได้เห็นสัตว์พวกนี้ถูกฆ่าอย่างไร้ความปราณี ผมไม่ได้พูดได้ว่านี่คืออาหารที่ผมเกลียด แต่มันคืออาหารที่ผมรู้สึกไม่สะดวกใจที่จะทานมันลงไปมากกว่า"

คุณไม่ได้รับประทานอกไก่ที่มีโปรตีนสูงเพื่อทำให้รูปร่างดีแบบนี้หรือคะ?

"ครับ ผมทานอกไก่ ปกติแล้วผมจะชอบทาน ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนของวัน ผมมักจะเคลื่อนไหว และเต้นรำตลอดเวลา ดังนั้นพวกแคลอรี่ในร่างกายผมก็จะถูกเผาผลาญไปอย่างรวดเร็ว ผมไม่ใช่คนที่เรื่องมากเรื่องกิน ผมจึงมักจะทานอะไรก็ได้ที่อยู่ตรงหน้าผม"
คุณบอกว่าคุณเต้นรำและร้องเพลงตั้งแต่อยู่ปีสองของมัธยมต้น ชั้นจึงแน่ใจว่าพ่อแม่ของคุณคงไม่สบายใจแน่ ๆ

"ผมแน่ใจครับว่าพ่อแม่ทุกคนอยากจะให้ลูกของพวกเค้าเข้าไปเรียนในโรงเรียนดี ๆ และก็ได้งานดี ๆ ทำ ผมเป็นลูกผู้ชายคนเดียวของพ่อแม่ และผมก็มักจะออกไปเตร็ดเตร่อยู่นอกบ้านและก็โดนดุด่าอยู่เป็นประจำ ใช่แล้วครับผมทำให้พวกท่านกลุ้มใจมาก ๆ

มีอยู่ครั้งหนึ่ง พ่อของผมพาผมไปที่ภัตตาคารจีนแห่งหนึ่ง ท่านสั่งอาหารและก็สั่งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์มา และท่านก็เทให้ผมแก้วนึง นั่นเป็นตอนที่ผมยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมเลยนะครับ ท่านพูดกับผมว่า "จากจิบแรกของเหล้าแก้วนี้ ต่อไปนี้ลูกจะได้รับอนุญาตให้ดื่มเหล้าได้ แต่ลูกจะต้องสัญญากับพ่อว่าลูกจะไม่ทำอะไรที่ไม่ดีหรือผิดศีลธรรม และจะไม่สูบบุหรี่ ถ้าลูกไม่สัญญาว่าลูกจะไม่ทำ
อะไรพวกนั้น พ่อจะไม่อนุญาตให้ลูกดื่ม พ่อจะไม่ว่ากล่าวอะไรลูกด้วยถ้าลูกกลับบ้านดึกหรือเมากลับมา มันช่างดีอะไรเช่นนั้น ตอนอายุเท่านั้น ผมรู้ว่าเพื่อน ๆ ของผมถูกพ่อของพวกเค้าจับได้ว่าดื่มเหล้าและก็โดนตี ดังนั้นผมก็เลยดื่มเหล้าแก้วที่พ่อส่งให้และก็สัญญากับพ่อว่าผมจะไม่ทำอะไรที่พ่อบอกไม่ให้ทำ หลังจากวันนั้น เมื่อเพื่อนรุ่นพี่ของผมส่งบุหรี่มาให้ผม ผมก็ไม่สูบ แต่ผมดื่มเหล้า และผมก็ไม่เคยทำอะไรที่ไม่ดี ผิดศีลธรรม หรือต้องทำให้คนอื่นเสียใจ"

ในฐานะของพ่อแม่ มันรู้สึกแย่ที่ได้ยินเค้าบอกว่าเค้าดื่มเหล้ามาตั้งแต่อายุน้อย ๆ ในสมัยมัธยมต้น

"มันอาจจะฟังดูแย่นะครับที่ผมพูดแบบนี้กับคุณ แต่ผมดื่มเครื่องดื่มผสมพวกนี้มามาก ผมคิดว่าสามารถดื่มได้ถึง 40 แก้วในคราวเดียว ทุกวันนี้ผมยุ่งมากจึงไม่ค่อยมีเวลาไปดื่มแต่ถ้าผมได้อยู่กับคนที่คุยกันถูกคอ ผมจะไปดื่มกับพวกเค้าประมาณสองเดือนครั้งครับ"

คุณคิดยังไงคะที่พ่อของคุณอนุญาตให้คุณดื่มเหล้าได้ตั้งแต่อายุยังน้อย?

"ผมคิดว่านั่นเป็นเพราะท่านเข้าใจเส้นทางที่ผมกำลังก้าวไปได้ดี ธุรกิจของพ่อผมประสบกับความล้มเหลว สำหรับครอบครัวของเราแล้ว การหาเงินให้พอกับค่าใช้จ่ายในแต่ละวันเป็นเป้าหมายใหญ่ และแม้ว่าผมจะอายุยังน้อย ผมก็เข้าใจดีว่าพ่อแม่ของผมกำลังลำบาก ในตอนนั้นผมคิดกับตัวเองว่า "เมื่อผมโตขึ้นผมจะต้องหาเงินให้ได้มากพอที่จะเลี้ยงดูพ่อแม่ของผมเพื่อที่ว่าพวกท่านจะได้ไม่ต้องกลุ้มใจกับการดำรงชีวิต และในอนาคตผมจะได้มีเงินมากพอสำหรับครอบครัวของตัวเอง เพื่อที่ว่าพวกเค้าจะได้ไม่ต้องกลัดกลุ้มเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ " โชคไม่ดีที่แม่ของผมเสียไปตั้งแต่ผมเรียนอยู่ปีสุดท้ายของมัธยมปลาย

คุณคงจะคิดถึงคุณแม่ของคุณบ่อย ๆ ซินะคะ?

ถึงตอนนี้ดวงตาของเค้าเริ่มกลายเป็นสีแดง ๆ แล้ว

"ตอนที่ผมยังเด็ก ผมเคยฝันที่อยากจะขึ้นเครื่องบิน ทุกวันนี้ผมต้องเดินทางโดยเครื่องบินบ่อยมากซึ่งทำให้บางครั้งผมเคยคิดว่าคงจะดีไม่น้อยถ้าผมสามารถพาแม่ของผมมาขึ้นเครื่องบินด้วยได้ ครอบครัวของผมไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเอง ดังนั้นเมื่อผมสามารถซื้อบ้านได้ แม่คือคนที่ผมคิดถึงมากที่สุด ถ้าแม่ของผมยังคงมีชีวิตอยู่ เธอคงจะไปป่าวประกาศให้เพื่อนบ้านได้รับรู้ว่า "ลูกชายของชั้นซื้อ
บ้านให้ชั้นด้วยล่ะ" แม่ของผมเจอแต่ความยากลำบากในตอนที่เธอมีชีวิตอยู่และก็เสียชีวิตไป"
Jane..
[ 06-05-2007 - 14:30:14 ]







หวัดดีคร่า แม๊ะ...วันนี้เข้าบ้านมา เด็กเสื้อแดงนั่น ก็ช่างน่า......นะ
(น่ากินเหลือเกิน) ไม่โทดพี่ยุ้ยหรอกนะที่อดใจมะไหว คึ คึ คึ....

ย้า....นอมู คิออบตา....อาราจิ๊
เหอๆๆๆ น่าร้ากกกกกกกกก

พี่ยุ้ย -- มะคืนสรุปดูยองเจ แผ่นที่ 5 (แผ่นสุดโปรด เปิดทีไรต้องแผ่นเนี้ยก่อน)
55555 น่ารักมาก เอาซักนิดมั้ย ลากมาซักสองสามประโยคแบบน่าตีๆนะ...

ตอนก่อนไปเยี่ยมบ้านคุณย่าครั้งแรก
ยองเจ : "เออนี่ จี อุน..คุณย่าท่านไม่ค่อยถูกกับผู้หญิงสวยๆหรอกนะ เออแล้วผู้หญิง
โง่ๆท่านก็ไม่ชอบเหมือนกัน ท่านเห็นแล้วทนไม่ได้น่ะ" 55555555 (ดูพู้ดดดดดด)
ยองเจ : "
ตอนที่จีอุน กลับจากไปพบ ยู มิน ฮอง และทำเครื่องอัดเสียงหายไปแล้วจีอุน : นี่ยองเจ..- -" คือ...เครื่องอัดเสียงที่นายซื้อให้น่ะ..ชั้นทำหายไปแล้วน่ะ
T_T
ยองเจ : โธ่..เธอนี่มัน O_o" ชั้นละคิดอยู่แล้ว ที่จริงก็รู้นะว่าเธอน่ะโง่ แต่ไม่น่าจะ
โง่ขนาดนี้นี่ นี่ไอคิวเธอคงจะต่ำมากเลยนะเนี่ย เท่ากับสัตว์ปีกเลยมั้ย เออเหมือนไก่งัย
...อย่าหวังว่าชั้นจะซื้ออะไรให้อีกน๊ะ O_o"


ดู ดู๊ พี่ยุ้ยมันน่าตีมั้ยนั่น ....ชีวิตน่ะเหรอ จี ฮุน ออกจะน่ารักเรียบร้อย อ่อนน้อมมมมม
อะเหอๆๆๆๆ
Jane
[ 06-05-2007 - 14:36:39 ]







นี่คิดดูนะ ความรักมันทำให้คนทำได้ทุกอย่างจริงๆนะ....
ถึงขนาดรู้สึกไม่ดีเมื่อสินค้าที่เกี่ยวกับอาพีน้อย ที่เป็นของก๊อปไว้ในครอบครอง
ถึงขั้นไปหาของ Original มาเก็บไว้ .......เห็นม้ะพี่ปุ้ย
อาพีรู้เข้า สงสัยจะร้ากกกกกกกกกกกกกก หมดใจเลยนะเนี่ยยยยยย
วันนี้อากาศสดใสเหมือนเมื่อวานเลย ช๊อบบบบบ มากๆ ไปทะเลกาน ^o^

ทุกๆคน วันนี้เข้าบ้านมาหาอาพีน้อยกันเย้อๆน้า ส่วนเจนวันนี้เข้าบ้านแว้ว
ต่อจากนี้ก็จะไปทะเล เที่ยวเผื่ออาพีน้อยด้วย ....(จะไม่ลืมโพสท่าเอ็กซ์)
5

ไปเน้อออออออ จะเข้ามาใหม่ ตอนเย็นๆคร่า
Jigsaw
[ 06-05-2007 - 14:54:48 ]







อันยองค่ะ

พี่ยุ้ย+++อ่าุงพี่แอบย่องมาดึกๆ อ่ะแน่ะน่าฉงฉัย? อ่อพี่จะมาดูความเรียบร้อยของบ้านใช่ม๊า ไม่ต้องห่วงค่ะ จิ๊กจัดบ้านเรียบร้อยดี ไม่มีฝุ่นแ้่แต่เม็ดเดียว เปงไงค่ะเนี๊ยบไม๊เอ่ย? เอิ๊กๆๆ อ่าขอบคุงสำหรับข่าวสารด้วยค่ะพี่ๆ จุ๊บๆ

พี่เจน+++ชอบกลอนจิ๊กหรือคะ อ่าาขอบคุงคุ่ะ นึกว่าจะโดนว่าคิดปายด้ายย แต่จิ๊กก็ถนัดแต่กลอนอยู่แล้วล่ะค่ะ ถ้าพี่ๆ สนใจติดต่อ 087-xxx-xxxx ค่ะ อิอิ งืมงืมช่วงนี้ฟูลเฮ้าส์ Comeback หรือพี่ เหงมีภาพและพี่ๆ พูดๆ ถึงกัน และก็อย่าว่าแต่พี่เลยเมื่อวันก่องจิ๊กก็เอามาเปิดดูเล่นเหมือนกานค่ะ ดูแผ่นที่ 5 ด้วย 555+ ชอบมากเลยฉากที่ยองเจกะจีอุนไปเยี่ยมคุณย่า ฮาดีค่ะ อ่อและก็ฉากที่ไปฮันนี่มูลที่โรงแรมน่ะ โดนๆ

พี่ปุ้ย+++อ่อนึกว่าพี่ไปอินเลิฟกะใคร ที่แท้ก็ซะมีคนนี้นี่เอง ก็นะอาพีมาเยี่ยม เฝ้ามาหาทุกวันอย่างนี้ภริยาทั้งหลายจะมีเวลาไปกิ๊ก จี๋จ๋ากะใครได้ล่ะเนอะ

และพี่ๆ น้องๆ ทุกท่านยองๆ ค่ะ คิดถึงนะเข้าบ้านกันบ้างน้า
yuri
[ 06-05-2007 - 15:22:29 ]







ที่คุณได้รับการขนานนามว่าเป็น "ซุปเปอร์สตาร์ระดับโลก" นี่ คุณคิดว่าเป็นเพราะการแสดงคอนเสิร์ตที่นิวยอร์กเมื่อปลายปีที่แล้วใช่รึเปล่าคะ?

"คอนเสิร์ตที่นิวยอร์กเป็นเหตุผลนึงนะครับ ผมคิดว่าการที่ผมได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 ของผู้มีอิทธิพลที่สุดของโลกโดยนิตยสารไทม์ก็มีส่วนอย่างมากนะครับ แต่ผมคิดว่าคำเรียกว่า "ซุปเปอร์สตาร์ระดับโลก" ที่พวกสื่อมอบให้ผมเนี่ยะเพราะเค้าคิดว่าผมจะกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกได้ แต่ผมก็ยังไม่ได้เป็น ดังนั้นการที่ถูกเรียกแบบนั้น ก็ทำให้ผมรู้สึกอายนะครับ

แต่หลังจากที่เค้ามอบตำแหน่งซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกให้ผมแล้ว ผมก็มีเป้าหมายใหม่ในชีวิต ผมยังไม่ได้เข้าสู่ตลาดของอเมริกาอย่างเป็นทางการ เพราะผมยังไม่ได้ออกอัลบั้มใหม่หรือแสดงภาพยนตร์ที่นั่น แต่เมื่อใดที่ผมได้ทุ่มเทเต็มที่และได้รับผลลัพธ์ที่ดีในตลาดของอเมริกาแล้วล่ะก็ นั่นแหละผมจึงสมควรที่จะถูกเรียกได้ว่าเป็น ซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่างแท้จริง และนั่นก็คือเป้าหมายในใจผม"

คุณคิดหรือไม่ว่าการเต้นรำและการร้องเพลงของคุณที่กำลังเป็นที่นิยมไปทั่วเอเชีย จะกลายเป็นที่นิยมในอเมริกาด้วย?

"ผมอยากจะเข้าสู่ตลาดของอเมริกาและแสดงให้พวกเค้าได้เห็นว่าศิลปินชาวเอเชียก็สามารถทำได้ดีเช่นเดียวกับศิลปินชาวอเมริกัน ผมอยากจะแสดงให้พวกเค้าเห็นว่าเอเชียเราก็มีวัฒนธรรมอันโดดเด่น คนที่มาพร้อมกับจิตใจมั่นคงและวัฒนธรรมจะดูน่าเกรงขามกว่าคนที่มาพร้อมมีดในมือนะครับผมอยากจะแสดงให้เห็นว่า อเมริกาก็สามารถยอมรับศิลปินชาวเอเชียเหมือนกัน

"ผมคิดกับตัวเองเสมอว่า ถึงผมจะต้องล้มเหลว ผมก็จะทำอย่างดีที่สุดเสมือนหนึ่งว่าผมได้ประสบความสำเร็จ" และอย่างเลวร้ายที่สุด ถ้าผมจะต้องล้มเหลวในการเข้าตลาดอเมริกา ผมก็จะไม่คิดว่านั่นคือการล้มเหลว ถ้ามีศิลปินคนใดมาเดินตามรอยผมในภายหลัง พวกเค้าจะได้เรียนรู้จากความล้มเหลวของผม จะได้มีโอกาสที่มากกว่าในอันที่จะประสบความสำเร็จ และนั่นก็หมายความว่าผมได้ประสบความสำเร็จในส่วนนั้นแล้ว

ถ้าคุณมองไปทั่วเอเชีย ผมไม่คิดว่าจะมีศิลปินที่มาร้องเพลงมากเหมือนศิลปินชาวเกาหลี บรรพบุรุษของพวกเราได้สร้างสรรค์ความพิเศษของเพลงโฟล์คซองเอาไว้อย่างหนึ่งซึ่งนั่นรวมถึงความพิเศษของวิธีการ "โค้งตัวลง"เพื่อร้องเพลง ดนตรีของรุ่นพ่อและแม่ผม เช่น Trot นั้น จะใช้ทักษะของการโค้งต้วลง การใช้วิธีพิเศษมากมายของชาวเกาหลีนี้ ทำให้การร้องเพลงอเมริกันสไตล์ R&B ได้ง่ายขึ้น ถ้าผมนำสิ่งทั้งหมดนี้ที่ผมได้เรียนมาในเกาหลี และเอาไปใช้ร่วมกับโปรดิวเซอร์ที่เยี่ยมที่สุดของอเมริกา เราก็จะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อผลิตเพลงที่เป็นส่วนผสมของสองวัฒนธรรมที่ดีกว่าเดิมได้

คุณไม่ต้องร้องเพลงภาษาอังกฤษในคอนเสิร์ตที่แสดงในต่างประเทศด้วยหรือคะ?

"ตอนที่ผมแสดงในต่างประเทศ ผมจะใช้ภาษาอังกฤษครึ่งหนึ่งและภาษาเกาหลีครึ่งหนึ่งครับ บางครั้งผมก็ร้องเพลงในภาษาจีนและญี่ปุ่นเหมือนกัน"

คุณมีความลำบากใจบ้างมั้ยในเรื่องการใช้ภาษา?

"ผมเคยคิดว่าผมควรจะตั้งใจเรียนภาษาต่างประเทศเช่น ภาษาอังกฤษ จีนและญี่ปุ่นมากกว่าที่จะไปตั้งใจเรียนในวิชาอื่นเช่น เลข ฯลฯ เพราะถ้าผมพูดภาษาต่างประเทศไม่ได้ มันจะเป็นการยากสำหรับผมที่จะไปประสบความสำเร็จในตลาดต่างประเทศเหล่านั้น นั่นเป็นเพราะผมจะต้องถูกสัมภาษณ์เป็นภาษาของพวกเขา และตอนนี้ผมก็กำลังคร่ำเคร่งกับการเรียนภาษาอังกฤษอยู่ครับ"

คุณเคยคิดมั้ยคะว่ามันคงจะง่ายกว่านี้มากถ้าคุณเกิดในประเทศสหรัฐอเมริกา?

"เอ่อ คุณไม่มีวันรู้หรอกนะครับว่าผมจะกลายเป็นใครถ้าผมเกิดในอเมริกา ผมอาจจะเกิดในฮาเร็มหรือผมอาจจะเกิดเป็นลูกชายของครอบครัวมหาเศรษฐี และนั่นผมก็คงจะไม่มีโอกาสที่จะมาประกอบอาชีพทางดนตรี ผมอาจจะไม่รู้ถึง
วิธีการเต้นแบบที่ผมเป็นอยู่ ผมมักจะขอบคุณเสมอที่ผมได้เกิดมามีชีวิตแบบที่ผมเป็นอยู่ในตอนนี้ เมื่อผมยังอายุน้อยกว่านี้ ผมมีความปรารถนาที่จะได้แจกลายเซนต์และได้ออกทีวีเพียงสักครั้ง แต่ตอนนี้ผมได้บรรลุความปรารถนา
ทั้งหมดนั่นแล้วนะครับ"
yuri
[ 06-05-2007 - 15:23:01 ]







ชั้นได้ยินมาว่าก่อนที่คุณจะกลายมาเป็นคนมีชื่อเสียง คุณสอบตกการคัดเลือกมาถึง 12 ครั้ง?

" ทั้งหมด 18 ครั้งครับ"

ในการเข้าคัดเลือก คุณถูกวิจารณ์เรื่องหน้าตาของคุณ?

"ผมเริ่มเข้ารับการคัดเลือกตั้งแต่ตอนที่ผมเรียนอยู่ปีที่สองของมัธยมต้น ช่วงนั้นบริษัทบันเทิงส่วนใหญ่มักจะมองหาแต่คนที่มีรูปร่างหน้าตาโดยเจาะจงว่าต้องเป็นแบบนั้นๆๆ ในตอนนั้นคนหล่อ ๆ เช่น จางดองกอน เป็นคนที่โด่งดังมากนะครับ พวกเค้าบอกกับผมว่าผมมีใบหน้าและรูปร่างที่ดูเด็กเกินไป และนั่นเป็นคำวิจารณ์ที่ผมได้ยินมากที่สุด

พวกเค้ามักจะบอกให้ผมไปทำศัลยกรรมที่ดวงตา ผมมักจะไปที่คลีนิคศัลยกรรม แต่หมอก็จะบอกผมว่า "ทางที่ดีอย่าทำอะไรกับดวงหน้าของเธอจะดีกว่านะ"

ผมก็เลยต้องกลับบ้านอย่างผิดหวัง ดังนั้นผมก็เลยพยายามอย่างหนักที่จะเสริมสร้างร่างกายและใบหน้าให้กลายเป็นอย่างที่บริษัทพวกนั้นอยากได้ ผมเริ่มสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันบนใบหน้าของผม

แต่แล้วก็มีคนที่ผมรู้จักช่วยแนะนำปาร์ค จิน ยัง ให้ผมรู้จักตอนเรียนอยู่ปีที่สองของมัธยมปลาย และผมก็มีโอกาสได้มาเข้ารับการคัดเลือกกับปาร์ค จิน ยัง เค้าเป็นผู้ที่เปิดถนนสายใหม่ให้กับชีวิตของผมนะครับ

ถ้าคุณไม่ได้พบกับ JYP ตอนนี้เรนจะอยู่ที่ไหนเหรอคะ?

"อาจจะไม่มีคนชื่อ Rain นะครับ"

ชั้นไม่อาจจะบอกได้ทีเดียวว่าสิ่งที่เค้าพูดหมายถึงว่าไม่มีนักร้องที่ชื่อเรน ที่ตั้งชื่อโดย JYP หรือไม่มีตัวของเค้าเองที่เป็นดาราผู้โด่งดังอยู่

แต่คุณไม่คิดหรือคะว่าจะมีหนุ่มน้อยที่ชื่อว่า จองจีฮุน อยู่?

"ช่วงที่ผมไปรับการคัดเลือกกับ JYP นั้น ผมเหมือนกำลังยืนอยู่ที่ริมปากเหว ดังนั้นผมก็ไม่มีทางไปทางอื่นอีกแล้ว บิลค่ารักษาพยาบาลของแม่ผมก็ยังไม่ได้จ่ายผมไม่มีเงิน ไม่มีแม้แต่ค่ารถเมล์ และผมก็ยังมีน้องสาวอีกคนที่จะต้องดูแลด้วย มันเป็นสถานการณ์ที่ผมต้องทำอะไรก็ได้ และต้องทำทุกอย่าง ถ้าผมเป็นหนูมันก็คงเป็นสถานการณ์ที่ผมอาจจะต้องกัดแมวที่กำลังขวางทางผมอยู่เพื่อที่ผมจะได้หนีไปได้ ผมไม่มีที่ๆจะไปซ่อนตัวและไม่มีแม้ที่จะคุ้มหัว ถ้าผมไม่ทำอะไรซักอย่างแล้วล่ะก็ ผมก็คงจะต้องตกลงไปในเหว และผมก็จะต้องตาย

ในระหว่างการคัดเลือกตัว สิ่งทั้งหมดที่อยู่ในหัวของผมก็คือความจริงที่ว่าถ้าผมไม่ผ่านการคัดเลือกในวันนี้ ผมก็จะไม่มีที่ไป วันนั้นผมก็เลยเต้นไปร่วม ๆ ห้าชั่วโมง และนั่นก็คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงได้รับการคัดเลือก"

ทำไม JYP ถึงเลือกคุณหรือคะ?

"เค้าบอกผมว่า เค้าเห็นความหิวโหยในดวงตาของผม และมากกว่าทักษะการเต้นของผม เค้าเห็นความต้องการของผม เค้าเห็นว่าถ้าผมไม่ผ่านการคัดเลือกในวันนั้น ผมก็จะต้องตาย เค้าบอกเรื่องนี้กับผมในภายหลัง ตอนที่ผมแสดง ผมมักจะมีแรงจูงใจหัวใจเสมอ"

ถ้าคุณไม่ได้รับการคัดเลือกในวันนั้น คุณมีทางเลือกอื่นอีกมั้ยคะ?

"ผมอาจจะไปรวมกลุ่มกับคนอื่นเพื่อแสดง ในชีวิตของผม การแสดง การร้องเพลง และการเต้นรำเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของผมที่ทำให้ผมมีความสุข

ผมไม่คิดว่าจะมีอะไรอย่างอื่นที่ผมอยากทำ ในฐานะนักเต้นผมอยากจะให้คนมาดูผมเต้น ในฐานะนักแสดงผมอยากให้คนมาดูผมแสดง 'ผมทำได้ถึงขนาดนี้เลยนะ มาดูผมซิ และถ้าคุณทำได้ดีกว่านี้ ก็มาทำให้ดูหน่อย' และนั่นคือแรงจูงใจที่ผมมีอยู่"

yuri
[ 06-05-2007 - 15:23:23 ]







จะอ่านต่อมั้ย มานยาวน่ะ
yuri
[ 06-05-2007 - 15:23:55 ]







คุณเคยอิจฉาเด็กคนอื่น ๆที่เรียนเก่งๆ ตอนที่คุณอยู่ในโรงเรียนมั้ยคะ?

"ผมอิจฉามากครับ พวกเค้ามักจะได้รับคำชมจากบรรดาคุณครูและไม่เคยทำให้พ่อแม่ของเขากังวลใจ แต่ตัวผมเองนั้น ไม่สามารถนั่งนิ่ง ๆ อยู่ที่เก้าอี้ได้นานกว่าหนึ่งชั่วโมงเลย ถ้าผมต้องนั่งนานขนาดนั้น ผมก็จะเริ่มมองกระจก ซ้อมเต้น ฟังเพลง หรือแม้แต่ขยับเขยื้อนร่างกายแล้ว ตอนที่ผมอ่านหนังสือสอบ ผมก็มักจะอ่านไปพร้อมกับเปิดเพลงฟังไปด้วย"

การที่คุณสอบเข้ามหาวิทยาลับ Kyung Hee (Post Modern Music Major) ได้เนี่ยะ เก่งทีเดียวนะคะ

"JYP บอกกับผมว่า ถ้าผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ เค้าจะไม่ปั้นผมให้เป็นนักร้อง พอเค้าบอกกับผมแบบนั้น ผมก็ทำอะไรไม่ถูกเลย มีเวลาเหลืออีกแค่ 102 วันเท่านั้นผมก็จะต้องไปเข้าสอบครั้งสำคัญที่จะตัดสินว่าผมจะเข้ามหาวิทยาลัยได้หรือไม่ ผมก็เลยไปที่ร้านหนังสือและซื้อหนังสือติวสอบที่หนาประมาณ 300 หน้ามาเล่มหนึ่ง ผมบอกกับตัวเองว่า 'เราสามารถอ่านหนังสือได้วันละ 3 หน้า'

จากวันนั้นเป็นต้นมา ผมก็จะอ่านหนังสือวันละ 3 หน้า ผมท่องจำทั้งคำถามและคำตอบ ผมจ้องหนังสือติวเล่มนั้นทั้งยามกิน ยามเดินไปตามถนน และตอนที่ผมฝึกซ้อมการเต้น และในวันที่ผมรู้สึกเหนื่อยจากการเต้น ผมก็จะนั่งอ่าน
หนังสือทั้งคืน และนั่นก็ทำให้ผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ในที่สุด"

ก่อนที่จะมามีชื่อเสียง ช่วงไหนของชีวิตของคุณที่ยากลำบากที่สุดหรือคะ?

"ถึงผมจะผ่านการคัดเลือก แต่นั่นก็ยังไม่ได้หมายความว่าผมจะได้เป็นนักร้องในทันที JYP ทำการทดสอบผมทุกอาทิตย์หลังจากนั้น ผมกังวลใจมากครับ ผมคิดเสมอว่า จะเป็นยังไงถ้ามีวันใดวันหนึ่งที่ JYP เดินเข้ามาและบอกผมให้เก็บกระเป๋าและไปซะ มีหลายครั้งหลายหนที่ผมอยากจะยอมแพ้ ผมเคยคิดถึงเรื่องนี้ถึงสองสามครั้ง แต่ผมก็ต้องต่อสู้กับตัวเองเพื่อที่จะเอาชนะมันให้ได้"

คุณมีแฟนผู้หญิงที่อายุมากกว่ามากมาย พวกเค้าเชื่องช้า ตรงไปตรงมามาก คุณรู้สึกอย่างไรบ้างคะ?

"แฟน ๆ ของผมที่เป็นวัยรุ่นมักจะขี้อายที่จะเข้ามาใกล้ ๆผม ส่วนแฟน ๆ ในวัยยี่สิบกว่า ๆ ก็แค่อยากได้ลายเซนต์ของผม แต่แฟน ๆ ในวัยสามสิบกว่า ๆ ถึงห้าสิบกว่า ๆ จะตีก้นผมและบอกให้ผมตั้งใจทำงาน ผมคิดว่าพวกเค้าเป็นผู้ที่คอยค้ำจุนผมอย่างเยี่ยมเลยนะครับ" (น้องพีตอบไม่ตรงคำถามวุ้ย เอิ๊กกส์)

รูปร่างของคุณที่แฟนๆ สาวๆ ที่แต่งงานแล้วชื่นชอบอย่างมากเนี่ยะ คุณเกิดมาเป็นแบบนี้เลยหรือเปล่าคะ?

"ตอนที่ผมอายุยังน้อย ผมอ่อนแอมากนะครับ ตอนที่ผมเรียนอยู่ชั้นประถม ผมเป็นคนนึงที่ชอบโดนรุมรังแก แต่แล้ววันนึงเมื่อผมรู้สึกว่าผมไม่อยากถูกรังแกอีกแล้ว ผมก็เลยไปเรียน คาราเต้ และเริ่มไป Health Club และพอเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ผมก็คิดว่าผมควรจะสร้างกล้ามเนื้อให้มากกว่านี้ ร่างกายของคุณเป็นสินทรัพย์ที่มีค่ามากนะครับ ดังนั้นคุณควรจะต้องมีสุขภาพดี และผมคิดว่าในอนาคตเมื่อผมได้ไปยืนอยู่ต่อหน้าผู้คน ผมก็ควรจะมีรูปร่างที่ผมสามารถอวดได้อย่างภาคภูมิใจ" (เห็นแล้วน้ำลายหกเลยอ่ะน้องพี )

ดูเหมือนว่าคุณจะทุ่มเทใส่ใจดูแลร่างกายของคุณมากเลยนะคะ แล้วคุณคิดว่าคุณใส่ใจดูแลจิตใจของตัวเองมากน้อยแค่ไหนคะ?

"อันดับแรก ผมเชื่อว่ามันคือการลงทุนในเรื่องของการศึกษาหาความรุ้ แต่ก่อนหน้านั้นผมไม่รู้ว่าทำไมผมต้องไปลงทุนในเรื่องนั้น แต่การศึกษาคือจุดเริ่มของทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต มันจะดีกว่ามากถ้าคุณรู้มากๆ และยิ่งคุณรู้มากเท่าไหร่ มันก็จะเป็นการง่ายที่คุณจะไปคุยถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ ผมจะซื้อหนังสือพิมพ์มา แม้ว่าผมจะไม่ค่อยมีเวลาอ่าน แต่ผมก็พยายามที่จะอ่านมัน ซึ่งอันที่จริงแล้ว มันก็ไม่ค่อยสนุกนักหรอก ผมไม่รู้จริง ๆ ว่า การเมืองคืออะไร ดังนั้นมันก็เลยยากที่จะเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังอ่าน แต่ผมคิดว่าถ้าผมอ่านมันไปเรื่อย ๆ มันก็คงจะมีประโยชน์กับผมในทางใดทางหนึ่ง

และมันก็สำคัญมากที่จะต้องมีความรู้ว่าทำอย่างไรถึงจะไม่โดดเดี่ยวและไม่รู้สึกหดหู่ ผมได้ยินมาว่าในอเมริกา พวกศิลปินและนักกีฬามักจะต้องไปพบกับจิตแพทย์ แต่ผมไม่คิดว่าผมจะถึงขนาดที่ต้องไปพบจิตแพทย์ ในเวลานี้ผมมีผู้
จัดการและรถมอเตอร์ไซค์ที่ช่วยทำให้สภาพจิตใจของผมเป็นปกติได้"

คุณก็เลยไปขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อบรรเทาความเครียดหรือคะ?

"ก็แค่การขี่ไปใกล้ๆ เพื่อสูดอากาศนะครับ เวลาที่ผมเครียดมาก ๆ ผมและผู้จัดการจะไปเตะฟุตบอลหรือเล่นกีฬาอื่นๆ ด้วยกันครับ การเป็นคนที่มีเชื่อเสียงเนี่ยะ มันยากที่จะพูดถึงเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง ถ้าผมพูดอะไรซักอย่างที่ไม่ถูกต้องไปกับคนๆ หนึ่ง หรือไปบอกความลับกับอีกคนอื่น เรื่องมันก็อาจจะหลุดออกไปถึงคนข้างนอกและนั่นก็จะทำให้ผมอับอาย มันอาจจะไปเป็นข่าวพาดหัว
อยู่บนหนังสือพิมพ์ ดังนั้นพวกคนที่มีชื่อเสียงก็เลยต้องมีคนดีๆ สองสามคนที่พวกเค้าจะสามารถคุยเรื่องเหล่านั้นด้วยได้ และโชคดีที่ผมมีคนมากมายที่ผมไว้ใจได้ให้ผมพูดคุยด้วย"

ต้องสมัครเป็นสมาชิกและ login เข้าสู่ระบบก่อนถึงจะสามารถลงความเห็นได้

เว็บนี้มีการใช้งาน cookie
ยอมรับ
ไม่ยอมรับ