เมาท์กันหนาหูว่าคู่ดูโอเสียงใสละลายใจหนุ่มๆ คู่นี้ ใช่จะซี้ย่ำปึ้กกันสักเท่าไหร่ ที่เห็นๆ กันอยู่เป็นการสร้างภาพทั้งน้านนน...แล้วจริงเท็จเป็นยังไงล่ะเนี่ย
แม้จะมีคู่ดูโอรุ่นใหม่ไล่หลังมาติดๆ แต่ความฮอตของสองสาวดูโอ โฟร์-ศกลรัตน์ วรอุไร และ มด-คุณัชญา ชัยรัตน์ ยังแรงดีอยู่เสมอ เสียงเพลง "ละลาย" จากอัลบั้มล่าสุด Four-Mod In Wonderland เป็นเพลงฮิตติดปากไม่แพ้เพลง "Love Love" และ "เด็กมีปัญหา" ในชุดก่อน ตลอด 4 ปีที่ประสบความสำเร็จเป็นไอดอลในกลุ่มวัยรุ่น มีสารพัดข่าวจุ๊กจิ๊กให้สองสาวต้องรับมืออยู่บ่อยๆ ตั้งแต่เรื่องหนุ่มๆ ในหัวใจ แฟชั่นแอ๊บแบ๊วที่เริ่มสวนทางกับวัย รวมถึงประเด็นความเป็นเพื่อน และตัวตนของทั้งคู่ที่ดูเหมือนจะจูนกันไม่ติด ไม่สนิทแบบร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างภาพที่เราได้เห็น เรื่องจริงๆ เป็นอย่างไรให้โฟร์-มด ตอบเองแล้วกัน
ได้ข่าวว่ามดกำลังจะมีผลงานหนังเรื่องแรกตามหลังโฟร์มาติดๆ
มด : หนังของมดเป็นแนวคอมเมดี้ค่ะ เล่นคู่กับ พี่ฟิล์ม-รัฐภูมิ ตอนนี้เริ่มถ่ายทำไปบ้างแล้ว คาแร็กเตอร์ที่มดเล่นต้องบอกว่าไม่ใช่ตัวมดเลย ต่างกันมาก เล่นเป็นเด็กที่มีโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยพูดจากับใคร ไม่ยิ้ม แต่ชีวิตจริงพูดมากเป็นต่อยหอยก็เลยค่อนข้างที่จะเหนื่อยนิดนึงที่ไม่ได้พูด ไม่ได้ยิ้ม (หัวเราะ) มันทรมานใจค่ะ
แล้วงานเพลงล่ะ ดูเหมือนยิ่งออกอัลบั้มก็ยิ่งทำลุคให้เด็กลงนะ อย่างใน Four-Mod In Wonderland
มด : เราใช้คำว่าวันเดอร์เพราะอยากให้มีความแปลกตาแปลกใหม่ เป็นสาวช่างฝันต่างจากชุดก่อน
โฟร์ : ไม่เด็กลงหรอกค่ะ แต่เหมือนกับว่าชุดนี้เราแสดงออกถึงความเป็นผู้หญิงหวานๆ มากขึ้น ก็เลยทำให้เราดูแอ๊บลงไปอีก
กับงานเพลงแนวป๊อปใสๆ สไตล์โฟร์-มด นี่ล่ะ
มด : วันนี้เราอาจจะยังไม่ถึงจุดนั้นนะ แต่ก็เข้าใจว่าต้องมีสักวันที่อิ่มตัว เหมือนการที่เราเริ่มจากศูนย์เปอร์เซ็นต์ สักวันก็ต้องถึงร้อยเปอร์เซ็นต์
โฟร์ : ในชุดใหม่นี้โฟร์ก็เสนอว่าให้มีบอสซาหรือแจ๊ซเข้ามาผสมบ้างมั้ย หรือเร็กเก้นิดๆ โฟร์ก็ชอบนะ แต่พี่ๆ บอกว่าทำได้ แต่ยังไม่ถึงเวลานะ นี่เป็นแนวที่คนฟังหรือแฟนคลับของโฟร์-มดชอบ เราก็ทำแนวนี้ออกมา ในงานชุดต่อๆ ไป ก็อาจจะได้เห็นตัวตนของเรามากขึ้น
4 ปีของโฟร์-มด ความสัมพันธ์ทั้งคู่เติบโตขึ้นมั้ย
โฟร์ : เป็นความสัมพันธ์ที่เติบโตมากขึ้นตามเวลาค่ะ เพราะในหนึ่งสัปดาห์เราจะต้องทำงานอยู่ด้วยกันสัก 6 วันแล้ว ทำให้เราคุยกันมากขึ้น ไม่เหมือนตอนก่อนที่รู้สึกว่ามดเป็นใคร เราไม่กล้าจะคุยด้วย อยู่ๆ ก็จับมาอยู่ด้วยกัน ทำงานด้วยกัน แล้วอยู่ดีๆ จะให้เล่าเรื่องของเราหมดเลยก็คงไม่ แต่พอมาทำงานด้วยกันก็รู้จักกันมากขึ้นว่าเขาเป็นคนยังไง
มด : เป็นธรรมดาที่คนที่มาจากต่างครอบครัว นิสัยแตกต่างกันจะมาเจอกันและมาอยู่ด้วยกัน มันต้องมีบ้างที่จะมีอะไรขัดใจกัน คิดไม่ตรงกันบ้าง พอได้อยู่กันนานๆ แล้วเนี่ยเราก็ปรับตัวเข้ากัน เปิดใจคุยกันว่าเราไม่ชอบอะไร ชอบอะไร ทำไมต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ พอได้คุยกันเสร็จ ก็โอ.เค. ตอนนี้เข้าใจกันแล้วว่าจุดประสงค์ของเราต้องการอะไร
โฟร์ : ถ้าความสนิทเต็มร้อย วันนี้โฟร์ให้ 90% เลย แต่อีก 10% ที่เหลือไว้ เพราะความที่เราโตกว่า ก็จะมีบางเรื่องที่คิดว่าถ้าปรึกษาผู้ใหญ่น่าจะดีกว่า
มด : สำหรับมดคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ มันเป็นความเข้าใจกันมากกว่า และเป็นความเข้าใจที่รู้กันอยู่แค่สองคน ถ้าให้พูดเป็นเปอร์เซ็นต์มันยากนะ มันเป็นเรื่องที่อยู่ในใจซึ่งรู้ว่าเราสนิทกันมากแค่ไหน
มีเรื่องอะไรที่ได้เรียนรู้กันมากที่สุด
มด : ได้เรียนรู้เรื่องงานจากพี่โฟร์เยอะนะ โดยเฉพาะเรื่องความรับผิดชอบ พี่โฟร์มักจะบอกมดว่าตรงนี้เราควรจะรับผิดชอบอย่างนี้ๆ นะ
โฟร์ : สำหรับโฟร์คงจะเป็นเรื่องนิสัย เพราะอยู่ด้วยกันวันละ 10 ชั่วโมง เวลามดอยู่เฉยๆ จะเป็นแบบนี้ แต่ถ้ามีใครพูดอะไรขึ้นมาสักอย่าง สีหน้าของเขาจะออกแบบนี้ เราก็จะเรียนรู้ว่าเขาพอใจหรือไม่พอใจ กำลังมีอารมณ์แบบไหนอยู่
ช่วงที่เกิดไฟไหม้บ้านโฟร์
มด : ตอนนั้นมดไม่ได้รู้จากปากพี่โฟร์นะ แต่มีคนบอกมา เรายังตกใจโทรไปหาเขาว่าเป็นยังไง จะอยู่ยังไง โอ.เค. รึเปล่า พี่โฟร์ก็เล่าให้ฟัง
โฟร์ : เขาไม่ได้ให้กำลังใจอะไรมาก คือ ณ นาทีนั้นเขารู้ว่าเราคงไม่ต้องการมาก เพราะเราก็อยากอยู่กับครอบครัว อยู่กับตัวเอง และก็มีคนมากมายที่เข้ามาอยู่แล้ว คือบางครั้งความเป็นเพื่อนกัน ไม่ต้องคุยอะไรกันเยอะก็ได้ คนเราอยู่ด้วยกันมา 3-4 ปี เรารู้ว่าต่างคนเป็นยังไง จะให้มาถามว่าเออเป็นห่วงจัง เป็นยังไงบ้างมันก็ดูเสแสร้งนะ แค่ถามว่า โอ.เค. มั้ย เราก็รู้แล้วว่าเขาคิดยังไง ถ้าบอกว่าเสียใจด้วยนะ ไม่น่าเกิดขึ้นเลย แบบนี้มันเหมือนคนที่เพิ่งรู้จักกันมากกว่า
เวลาที่ใครคนใดเจอข่าวแย่ๆ อีกคนทำยังไง
โฟร์ : การไม่ถามเซ้าซี้กับเพื่อน โฟร์ว่านี่เป็นวิธีที่ดีนะ เพราะยิ่งถามเขาก็ยิ่งเหมือนเราไปตอกย้ำกับข่าวที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่โฟร์จะไม่ถามอะไร แต่ถ้าเห็นเขาเศร้าๆ โฟร์ก็จะบอกว่าช่างมันเหอะ โอ.เค. นะ เดี๋ยวก็เงียบไปเอง ตัวเราไม่ควรพูดอะไรมาก
มด : มดก็ไม่อยากเซ้าซี้เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว บางครั้งต่างฝ่ายก็อยากมีเรื่องที่เก็บไว้เป็นเรื่องส่วนตัวบ้าง ถ้าเขาเศร้าก็จะปล่อยเขาไปสักพัก ถ้าเขาพร้อมเมื่อไหร่ เราก็พร้อมจะรับฟังและคุยกับเขาเมื่อนั้น
ถ้างั้นเรื่องกุ๊กกิ๊กความรักได้คุยกันตามประสาสาวๆ มั้ย
โฟร์ : ก็มีปรึกษากันบ้าง คนนี้เป็นยังไง ดีมั้ย น่าจะคุยกับเขาดีมั้ย
มด : ใช่ๆ ก็มีคุยกันบ้าง เป็นเรื่องปกติของผู้หญิงทุกคนที่จะคุยเรื่องหัวใจบ้างเนอะ
สเป็กหนุ่มแบบไหนที่จะละลายหัวใจโฟร์กะมดได้นะ
มด : มดชอบหนุ่มตี๋ๆ นิดนึง ผิวสีกลางๆ ขาวก็ดี คล้ำนิดๆ ก็โอ.เค. แต่อย่าดำมากนะ และชอบดูจากนิสัยเขามากกว่า เพราะถ้าเกิดหล่อแล้วนิสัยแย่ก็ไม่เอานะ ถ้านิสัยดีเว่อร์ แต่หน้าตาไม่ไหวก็ไม่เอาเหมือนกัน
โฟร์ : แบดบอยค่ะ ชกต่อยฟันตีเอาเลยเต็มที่ แต่ไม่ใช่แว้นนะ ไม่ใช่พวกนักเลงหรืออันธพาลไปหาเรื่องเขา แต่เป็นคนแมนๆ ที่ถ้ามีใครมาทำเราก่อนก็ไม่ยอม ประมาณว่ามีสมองหน่อย ปกป้องเราได้เวลาใครจะมาทำอะไรเรา เขาต้องช่วยเราสุดฤทธิ์
ถ้าวันนึงต้องแยกกันไปล่ะ
โฟร์ : ยังไม่เคยมีโอกาสได้คุยกับมดเรื่องนี้นะ แต่เคยคุยกับพี่ทีมงานว่า ถ้าเกิดไม่ได้ทำคู่ โฟร์ก็ไม่อยากทำ โดยเฉพาะในเวลานี้ อย่างหนึ่งเพราะคิดว่าตัวเองไม่เก่งพอที่จะออกอัลบั้มเดี่ยวได้ โฟร์เป็นคนที่ไม่มั่นใจเรื่องการร้องเพลงอยู่แล้ว และคิดว่าการที่เราเป็นคู่กัน มันช่วยกันได้มากกว่าเยอะ
มด : ใช่เรายังไม่เคยคุยเรื่องนี้ แต่มดคิดว่าถ้าถึงจุดนั้นจะให้ออกเดี่ยวก็คงไม่ใช่ เพราะทุกคนติดภาพโฟร์-มดไปแล้ว จะให้มาเป็นโฟร์เดี่ยว มดเดี่ยว ก็อาจไม่เวิร์ก
มองอนาคตของโฟร์-มด ไว้ยังไงบ้าง เพราะตอนนี้ก็ออกอัลบั้มมาหลายชุดแล้ว
โฟร์ : ให้เต็มที่เลยนะ โฟร์ว่าเราคงทำเพลงกันต่อไปไม่เกิน 6 ชุดหรอก มันก็น่าจะอิ่มตัวได้แล้วกับแนวเพลงป๊อปใสๆ เป็นคู่ดูโอแบบนี้ คือจะให้โฟร์เต้นแอ๊บๆ เป็นเด็กไปก็ไม่ไหวนะ เพราะโฟร์ก็จะ 24-25 เป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ถ้าออกจริงๆ ก็ต้องเปลี่ยนแนวกันหน่อย อาจจะเป็นเปรี้ยว เท่ เก๋ไปเลย
มด : ถ้าถึงวันนั้นมดก็อยากกลับมาเรียนหนังสือค่ะ เมื่อถึงจุดสูงสุดแล้วเราก็ต้องเอาอนาคตของเราเป็นหลัก เพราะงานในวงการไม่ใช่จะทำได้ตลอดชีวิตหรอก ต้องยอมรับ ถ้าเราได้จากตรงนี้มากพอแล้ว ก็กลับไปทำอนาคตของเราให้ดีบ้างดีกว่า
คำว่า "มิตรภาพระหว่างโฟร์กับมด"
โฟร์ : เป็นสิ่งที่ง่ายๆ สั้นๆ เข้าใจกันได้ แค่มองตา หรือแค่พูดคำคำนึงเราก็เข้าใจกันแล้ว
มด : เหมือนมีคนเข้าใจเรามากขึ้นคนนึง เราดีใจที่ได้มาเป็นน้องสาวของเขา
Love Love อยู่ในใจกันซะขนาดนี้ ใครหนอช่างเมาท์ว่าสองสาวชอบกินเกาเหลากัน น่าตีซะจริงๆ เล้ย