บทความวิเคาะห์จาก 10Asia
เจบอมหัวหน้าวงไอดอล 2PM ประกาศการถอนตัวออกจากวงของเขาเมื่อวันที่ 8 ที่ผ่านมาในเว็บไซต์แฟนคาเฟ่ทางการของวง เขาเขียนว่ารู้สึกเสียใจต่อทุกคนโดยเฉพาะแฟนๆ ที่รักเขา เขาออกจากวงตั้งแต่นั้น มันเป็นเวลาเพียงสี่วันเท่านั้นตั้งแต่มีข่าวแพร่ออกไปถึงข้อความที่เขาเขียนไว้ในบล็อกส่วนตัวเมื่อหลายปีก่อน (ที่ขณะนั้นถูกตีความว่า) เป็นการหมิ่นประเทศเกาหลี นอกจากเจบอมแล้วไม่มีใครทราบว่าขณะนั้นเขาเขียนด้วยความรู้สึกเกลียดเกาหลีจริงๆ หรือเพียงเพราะเขาสับสนกับอนาคตการจะเปิดตัวเป็นนักร้องที่ยังไม่ชัดเจนด้วยการแสดงอารมณ์ออกมาดังที่เขาได้เขียนขอโทษอย่างเป็นทางการแล้ว อย่างไรก็ตามเรื่องราวได้ลุกลามอย่างมากในเวลาสี่วันจนทำให้เขาต้องถอนตัวออกไป
ในขณะนั้นได้เกิด Petition ในเว็บไซต์ Daum Agora เรียกร้องให้ ‘เจบอมลาออก’ และ ‘เจบอมฆ่าตัวตาย’ บางสื่อเริ่มออกข่าวในลักษณะที่ว่าเจบอมเป็น Yoo Seung Joon คนที่สอง (***เป็นดาราที่มีปัญหาเรื่องสัญชาติและการเกณฑ์ทหารจนถูกห้ามเข้าประเทศเกาหลี) เพราะข้อความที่เขาเคยเขียนไว้ในอดีต เจบอมจะกลายเป็นคนที่เข้าเกาหลีไม่ได้หรืออยู่ในเกาหลีไม่ได้เลยหรือ เนื่องจากการเผยแพร่ข่าวสารของสื่อที่มีที่มาจากชาวเนตอย่างไม่มีกฎเกณฑ์หรือมาตรฐานทางศีลธรรมใดๆ
เพียงแค่สี่วันเท่านั้นที่ทั้งสื่อบางสื่อและชาวเนตบางกลุ่มทำให้เจบอมต้องออกจากเกาหลีอย่างเร่งด่วน โดยการผลักเขาไปให้จนมุมด้วยการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง แม้ว่าคุณอาจจะรู้สึกผิดหวังกับการกระทำของเขาในอดีต แต่ถ้าเจบอมกับสมาชิกในวงยังทำกิจกรรมต่างๆ ต่อไป พวกเขาก็อาจจะรู้สึกกดดันอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้เป็นผู้ต้องหาหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐแต่อย่างใด ถ้าคุณไม่ชอบเขาก็แค่ไม่รวมรายชื่อเขาไว้ในกลุ่มดารานักแสดงที่คุณชอบ รายการต่างๆ ก็สามารถเลือกได้ว่าจะให้เขาร่วมรายการหรือไม่ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความนิยม อย่างในขณะนี้เขาก็ออกจากรายการโนดาจีทางช่อง MBC ไปแล้ว .
อย่างไรก็ตาม ไม่ควรมีใครมีสิทธิบังคับให้เขาเลิกอาชีพนักร้องเพราะเขาไม่ชอบประเทศเกาหลี ซึ่งต่างจากความจริงที่ว่าเขาเป็นไอดอลที่สามารถมีอิทธิพลต่อผู้คนจำนวนมากได้ ไม่ว่าเขาจะทำอาชีพอะไร ไม่ควรมีใครทำให้เขาต้องละทิ้งงานที่เขาอยากทำได้ ถ้าสังคมไหนผลักไสคนๆ หนึ่งออกไป เพียงเพราะมีความเห็นวิพากษ์ต่อสังคมนั้นในด้านลบ ประเด็นนี้จะกลายเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชนของคนๆ หนึ่งที่มีอาชีพเป็นดาราไอดอลทันที ถึงกระนั้นเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นทางสังคมที่ใหญ่กว่าข่าวดาราทั่วๆ ไป ถ้าความจริงที่ว่าเขาทำให้ผู้คนขุ่นใจ เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เขาถูกผลักไสออกไปจากสังคม แล้วเราจะเรียกว่านี่คือสังคมปกติได้อย่างไร? คุณอาจพูดว่าเขาลาออกไปเอง แต่เขามีเวลาตัดสินใจเพียงสี่วัน เขามีเวลาและโอกาสเพียงน้อยนิดที่จะรอคอยพิจารณาถึงปฏิกิริยาที่แท้จริงของแฟนๆ ของเขาและผู้คนกลุ่มอื่นๆ ในเรื่องนี้
หลังจากที่เจบอมลาออกไป สื่อบางแห่งก็เขียนบทความในแง่ที่ว่า “บริษัทที่ดูแลไอดอลควรจะเรียนรู้ถึงพลังของสาธารณชนจากกรณีนี้” แต่เขาไม่กล่าวถึงว่า “สาธารณชน” ที่พูดถึงคือใคร หรือสาธารณชนนั้นปฏิบัติอย่างไรจนทำให้เขาต้องออกจากวงไป แต่เขียนเพียงความเห็นเล็กน้อยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สื่อที่รายงานข่าวนี้ในลักษณะดังกล่าวคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบมากที่สุดในการทำให้เรื่องราวของเจบอมต้องออกมาในรูปนี้เพียงแค่สี่วัน โดยเฉพาะการที่สื่อเหล่านั้นทำให้เรื่องราวใหญ่โตขึ้นแทนที่จะมาวิเคราะห์เสียก่อน
อย่างเช่น Petition ในเว็บไซต์ Daum Agora เรียกร้องให้ ‘เจบอมลาออก’ และ ‘เจบอมฆ่าตัวตาย’ ก็ถูกนำมาพาดหัวและทำให้เรื่องหนักขึ้น ในตอนนั้นการพิจารณาว่าสิ่งที่เจบอมเขียนจริงๆ แล้วมันร้ายแรงหรือไม่อย่างไร และ Petition เหล่านี้จะนำไปสู่อะไร ก็ถูกลืมไปพร้อมกัน รวมทั้งบางอย่างที่ถูกมองข้ามไปคือ มันเป็นข้อความส่วนตัวในอดีตด้วย แม้แต่การมาพิจารณาว่าจริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องที่ถึงกับต้องออกจากวงหรือไม่ แต่ดูเหมือนไม่ได้มีการหยิบยกขึ้นมา
สื่อหลายสื่อรีบเติมเชื้อไฟด้วยการใช้คำอย่าง การลาออก หรือการถอนตัว Yoo SeungJoon คนที่สอง การเสียศักดิ์ศรี สถานการณ์เลยไปถึงขนาดที่ว่าเพื่อนร่วมวงของเขาถูกวิจารณ์ไปด้วยหลังจากที่พวกเขาเขียนลงในเว็บของตัวเองว่าจะผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน ทั้งๆ ที่เจบอมไม่ได้ก่ออาชญากรรมใดๆ ดังนั้นการที่จะสนับสนุนเพื่อนร่วมวงที่ร่วมทุกข์สุขกันมาหลายปีเป็นสิ่งที่ควรจะถูกดูหมิ่นด้วยปฏิกิริยาของชาวเนตหรือ? ในการนี้กลายเป็นว่าเรื่องราวของเด็กหนุ่มชาวเกาหลีที่เกิดและเติบโตในต่างประเทศเขียนข้อความส่วนตัวไว้ ขณะที่เขายังไม่ได้เดบิวต์ด้วยซ้ำได้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต
หากการที่ชาวเนตเพียงไม่กี่ร้อยหรือพันคนเขียนข้อความลงในเว็บ Daum Agora และถ้าสื่อเลือกที่จะรายงานเรื่องนั้นที่มีลักษณะเหมือนคลื่นยักษ์สึนามิ และถ้าหากเรื่องนั้นเป็นประเด็นขึ้นมาจริงๆ ก็อาจทำลายทั้งชีวิตของดารานักแสดงคนหนึ่งได้ และถ้าในกระบวนการดังกล่าวนั้นไม่มีพื้นที่ในการพูดถึงเรื่องสิทธิ “มนุษยชน” ของนักร้องนักแสดง ก็จะกลายเป็นว่า “สาธารณชน” เหล่านั้นสามารถทำให้ดารานักแสดงคนนั้นทำอะไรก็ได้อย่างที่พวกเขาต้องการ...
...กรณีของเจบอมแสดงให้เห็นว่าเรื่องราวชีวิตส่วนตัวของดารานักแสดงนั้นเป็นเรื่องที่ดึงดูดความสนใจของสาธารณชนและสื่อมากกว่าประเด็นที่แท้จริงของเรื่องนั้น ในการนี้สามัญสำนึกที่ว่าดารานักแสดงนั้นก็มีสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่สำคัญไปกว่าเรื่องความดื้อรั้น มารยาท หรือเรื่องความรักชาติ แต่กลายเป็นว่าสิ่งที่สำคัญเพียงอย่างเดียวคือความคิดเห็นของสาธารณชนเป็นไปในทางไหน
ดังนั้นเรื่องของเจบอมนี้ไม่ใช่การสิ้นสุด แต่เป็นการเริ่มต้น เจบอมเดินทางไปอเมริกา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในช่วงสี่วันนั้นได้ทิ้งหลายประเด็นเกี่ยวกับสังคมเกาหลี(และอาจรวมถึงสังคมอื่นๆ ด้วย) รวมทั้งประเด็นที่ว่าสิทธิเสรีภาพของดารานักแสดงกับความเห็นของสาธารณชนกลุ่มหนึ่ง สื่อเองได้สรุปเรื่องราวเหล่านี้อย่างไร และเรามองอาชีพ”ดารานักแสดง”อย่างไร
Credit: Kor-Eng by Lauren@Madam2pmsubs, Edited by Jache00@2pm-online.com, Danielle@Madam2pmsubs, Mim@2pm-online.com Coordinator: Cassina@2pm-online.com